posttoday

อาลัยหลวงปู่ ดร.มหาผ่อง อริยสงฆ์ 2 แผ่นดิน

11 ตุลาคม 2558

คณะสงฆ์และชาวพุทธทั่วโลกเศร้าสลดใจ เมื่อพระอาจารย์ใหญ่ ญาท่านมหาผ่อง สะมะเลิก ปิยธีโร

โดย...สมาน สุดโต

คณะสงฆ์และชาวพุทธทั่วโลกเศร้าสลดใจ เมื่อพระอาจารย์ใหญ่ ญาท่านมหาผ่อง สะมะเลิก ปิยธีโร ประธานศูนย์กลางองค์การพุทธศาสนสัมพันธ์ลาว มรณภาพเมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2558 สิริอายุ 100 ปี พรรษา 80

พระพรหมบัณฑิต อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร) มอบให้พระโสภณวชิราภรณ์ (ไสว) รองอธิการบดีฝ่ายกิจการต่างประเทศ เดินทางไปถวายสักการะและเคารพศพ วันที่ 9 ต.ค. 2558 ที่นครเวียงจันทน์

พระอาจารย์ใหญ่ ดร.มหาผ่อง มีความสัมพันธ์อันดีกับประเทศไทย และ มจร นอกจากแลกเปลี่ยนด้านการจัดการศึกษาพระพุทธศาสนาระหว่างสองประเทศแล้ว ยังรับนิมนต์มาปฏิบัติศาสนกิจในโอกาสต่างๆ เสมอ เช่น กิจกรรมนานาชาติเนื่องในวันวิสาขบูชา วันสำคัญสากลของโลก เป็นต้น

พระอาจารย์ใหญ่ ญาท่านมหาผ่อง ปิยธีโร ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดพระเจ้าองค์ตื้อ นครหลวงเวียงจันทน์ เข้ารับการรักษา ณ โรงพยาบาลมโหสถ นครเวียงจันทน์ ตั้งแต่วันที่ 27 ก.ย. 2558

การมรณภาพญาท่านมหาผ่อง ถือว่าเป็นการสูญเสียของวงการพระสงฆ์ระดับพระมหาเถระชั้นนำของโลกพระพุทธศาสนารูปหนึ่ง

ขณะที่ท่านยังมีชนม์ชีพ ได้รับกิจนิมนต์มายังประเทศไทยหลายครั้ง นอกจากร่วมกับ มจร แล้ว ดร.สุภชัย วีระภุชงค์ เลขาธิการสถาบันโพธิคยาวิชชาลัย 980 ยังนิมนต์มาหลายครั้ง ในจำนวนหลายๆ ครั้งนั้น เมื่อพระคุณท่านอายุ 99 ปี ได้เข้าร่วมประชุมกับคณะสงฆ์ และกรรมการบริหารองค์การพุทธศาสนิกสัมพันธ์แห่งโลก (พ.ส.ล.) ณ สำนักงานใหญ่ ถนนสุขุมวิท ในโอกาสที่มาร่วมงานฉลองพระชนมพรรษา 100 ปี สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช วันที่ 3 ต.ค. 2556

ครั้งนั้น ท่านสร้างความฮือฮาให้วงการพระพุทธศาสนา เมื่อท่านเล่าประวัติชีวิตว่าท่านนั้นเกิดที่ อ.ตระการพืชผล จ.อุบลราชธานี เข้ามาเรียนบาลีที่วัดชนะสงคราม ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2480-2496 สอบได้เปรียญธรรม 6 ประโยค รวมเวลาอยู่วัดชนะสงครามถึง 16 ปี มีความสนิทกับสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช เพราะเรียนบาลีบางชั้น ร่วมสำนักเรียนกัน ต่อมาจึงเข้าสู่ราชอาณาจักรลาว (สมัยนั้น) เพื่อกอบกู้ชาติลาว แม้ว่าเกิดเมืองไทย แต่ใจอยู่ดินแดนบรรพบุรุษ จึงเข้าร่วมขบวนการกู้ชาติกับเจ้าเพชรราช ขณะที่พำนักในประเทศไทย ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2489

ที่เรียกเสียงฮือฮาอีกเรื่องหนึ่งคือ ลุงโฮ หรือท่านประธานโฮจิมินห์ รับเป็นบุตรบุญธรรม เพราะท่านประธานโฮกับเจ้าเพชรราชสนิทสนมกันมาก

ที่ไม่ธรรมดาเมื่อกอบกู้ชาติได้ พรรคคอมมิวนิสต์ลาวมอบหมายให้ท่านแก้ปัญหาคณะสงฆ์ลาว ท่านใช้เวลาประมาณ 1 เดือน ยุบทั้งคณะสงฆ์มหานิกายและธรรมยุตที่แตกแยกให้เป็นพระสงฆ์ลาวเท่านั้น

ล่าสุด เมื่อ ดร.สุภชัย วีระภุชงค์ นิมนต์ไปเป็นประธานร่วมกับประธานสงฆ์ และผู้แทนจากประเทศสุวรรณภูมิ 5 ประเทศ ที่จังหวัดเสียมราฐ กัมพูชา เมื่อวันที่ 9-13 ก.ย. 2558 ท่านเป็นประธานเปิด-ปิดการประชุมเสวนา ได้กล่าวสัมโมทนียกถา ที่สื่อหลายสำนักนำไปอ้างอิง ดังนี้

ละสังโยชน์ 3 ได้ก็บรรลุโสดาบัน

นัตถิ สันติ ปรัง สุขัง. ความสุขอื่น ยิ่งกว่าความสงบไม่มี

พระคุณเจ้าที่มีอายุพรรษา 100 ปี อาวุโสสูงสุด ในบรรดาพระเถระทั้งหลาย

อธิบายขยายความว่า ความสงบนี้ คือสันติภาพที่มวลมนุษย์ทั่วโลกต้องการและแสวงหามาโดยตลอด ถึงปัจจุบัน เป็นงานของนักวิทยาศาสตร์ นักเรียนรู้ ผู้มีอำนาจ ซึ่งมีทรัพย์สมบัติอันยิ่งใหญ่

ซึ่งนักวิทยาศาสตร์บางพวกเข้าใจว่า “พวกนับถือศาสนาเป็นพวกจิตนิยม” เชื่อถือแบบไสยศาสตร์

อย่างไรก็ตาม นักวิทยาศาสตร์ แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ ทุนนิยมและสังคมนิยม ต่างฝ่ายต่างแสดงความเป็นผู้ยิ่งใหญ่ แย่งชิง ยึดประเทศที่มีกำลังน้อยกว่า ยังขุดค้น ขนเอาทรัพย์สินมีค่าหายากทั้งในดินและบนดิน (ทรัพย์ในดิน สินในน้ำ) จากประเทศเหล่านั้น ไปสร้างความมั่งมีให้แก่ตนเอง ทั่วทุกมุมโลก มนุษย์ก็ยังไม่พบสันติภาพ

ยิ่งไขว่คว้ามากเท่าไร ดูเหมือนว่ายิ่งห่างไกลจากสันติภาพมากเท่านั้น แม้กระทั่งได้คิดค้นหาวิธีบินออกจากโลกมนุษย์ไปถึงโลกพระจันทร์ สุดท้ายพบทางตัน หรืออย่างไร ก็ไม่ทราบ

แต่วิสัยของนักวิทยาศาสตร์ไม่ยอมหยุดอยู่กับที่ จึงพากันย้อนกลับมาหาความจริงในศาสนาที่เคยเข้าใจว่า พวกนับถือศาสนาเป็นพวกจิตนิยมและไสยศาสตร์ (งมงาย) ทั้งๆ ที่ยังไม่เคยค้นหาความจริงจากพระพุทธศาสนา ที่มีแนวคิดว่า “โลกมนุษย์เป็นโลกพิเศษ” เป็นจุดกำเนิด เป็นต้นทางที่จะไปนรก สวรรค์ และนิพพาน

ดังนั้น เมื่อประชุมสุดยอดพระพุทธศาสนาโลก ณ นิวยอร์ก ที่ประชุมจึงคัดเลือกพระอาจารย์ ดร.มหาวิจิต สิงหาราช ประธานองค์การพุทธศาสนาสัมพันธ์แห่งประเทศลาว (อพส.)  (มรณภาพแล้ว) เป็นประธาน ในฐานะประธานได้เสนอเส้นทางสู่สันติภาพตามหลักพระพุทธศาสนา 5 ข้อ คือ

1.มนุษย์อยู่ร่วมกัน ไม่ให้เบียดเบียนกัน

2.มนุษย์อยู่ร่วมกัน ไม่ขโมย ยักยอกทรัพย์สมบัติกัน

3.มนุษย์อยู่ร่วมกัน ไม่ประพฤติผิดต่อชีวิตคู่ครอง นอกจารีต ประเพณี

4.มนุษย์อยู่ร่วมกัน ไม่กล่าวเท็จ หลอกลวง โกหก ซึ่งกัน

5.มนุษย์อยู่ร่วมกัน ไม่ควรเสพ หรือดื่ม สิ่งมึนเมาทุกชนิด

ในการประชุมครั้งนั้น ยังได้รับรองวันเพ็ญเดือน 6 ของทุกๆ ปี เป็นวันแห่งสันติภาพโลกด้วย

หมายเหตุ : เส้นทางไปสู่สันติภาพนี้ จะว่าง่าย ก็ง่ายสำหรับคนดี ถ้าจะว่ายาก ก็ยากสำหรับคนชั่ว เพราะปกติแล้ว ความดี คนดีทำได้ง่าย คนชั่วทำได้ยาก ความชั่ว คนชั่วทำได้ง่าย คนดีเขาไม่ทำกัน

มติประชุมสากลศาสนาโลก ตั้งแต่ พ.ศ. 2542 (ค.ศ. 1999 ) มาถึงปัจจุบันนี้ก็เป็นเวลา 10 กว่าปีมาแล้ว เมื่อมองในด้านการปฏิบัติแล้วเหมือนไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย (คือจั่งว่า บ่ไป บ่มา)

ในทางกลับกัน อีกมุมมองหนึ่งเหมือนว่าจะหนักยิ่งกว่าเดิม (คือจั่งซ่ำฮ้ายกว่าเก่า) โดยเฉพาะในข้อที่ 5 เป็นเรื่องน่าเป็นห่วงมากกว่าข้ออื่นๆ

ด้วยเหตุนี้ ในงานประชุมเสวนาที่เสียมราฐครั้งนี้ อาตมาในฐานะที่ได้รับนิมนต์ในการกล่าวปิดการประชุม จึงขอเรียกร้องจากที่ประชุมอันเป็นนิมิตหมายสำคัญนี้ ขอให้ทุกๆ รูป/ท่าน ปฏิบัติตนให้เป็นแบบอย่างในการละสังโยชน์ 3 คือ

สักกายทิฏฐิ ความเห็นแก่ตัว 1

วิจิกิจฉา ความลังเลสงสัย

ไม่กล้าตัดสินใจทำ 1

สีลัพพตปรามาส การล่วงละเมิดศีลธรรม 1

ตามคำสอนในพระพุทธศาสนา ถือว่าบุคคลผู้ละสังโยชน์ 3 ประการนี้ได้ เท่ากับบรรลุธรรมถึงขั้น
โสดาบันได้แล้ว

จัดว่าเป็นโอวาทสุดท้ายของพระอริยสงฆ์ 2 แผ่นดิน ญาท่าน ดร.มหาผ่อง ปิยธีโร ประธาน อพส.ลาว