posttoday

ความเห็นจากสาธุชนที่ควรรับฟัง!! (จบ)

13 เมษายน 2557

ได้ติดตามอ่าน “ธรรมส่องโลก” จากโพสต์ทูเดย์ เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา ให้มีความเห็นตรงกับพระอาจารย์

โดย...พระอาจารย์อารยะ

ปุจฉา

ได้ติดตามอ่าน “ธรรมส่องโลก” จากโพสต์ทูเดย์ เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา ให้มีความเห็นตรงกับพระอาจารย์ จึงมีความเป็นห่วงต่อการมุ่งสร้างพระพุทธรูปทั้งหลาย ที่ไม่สอดคล้องกับหลักธรรม มีการโฆษณาชวนเชื่อให้หลงใหลไปในทางวัตถุมงคลจนศาสนิกชนมีความเห็นผิด พากันทอดทิ้งคำสั่งสอน ไม่ถือปฏิบัติ จนพระสัทธรรมเสื่อมสูญ ศาสนาอันตรธานไป คงเหลือแต่พิธีการ ศาสนกิจ ศาสนวัตถุ แต่ไม่มีศาสนธรรม จะมีแต่ “สัทธรรมปฏิรูป” ที่หลวงพ่อพุทธทาสเรียกว่า “ศาสนาเนื้องอก” ที่เป็นอันตรายมากในพระพุทธศาสนา จึงใคร่ขออาราธนาพระอาจารย์ช่วยเขียนกระตุ้นสังคมชาวพุทธให้ตื่นขึ้นมา เรียนรู้พระธรรมคำสั่งสอนที่ถูกต้อง เพื่อจะได้เข้าถึงประโยชน์ที่แท้จริงของธรรมะ

สำหรับรูปปั้นเจ้าชายสิทธัตถะราชกุมาร มีการสร้างขึ้นมาภายหลัง ไม่ทราบว่าทำไมอยู่ๆ จึงมีการสร้างรูปสมมติ“เจ้าชายน้อย” ขึ้นมา เพราะเมื่อก่อนไม่มี และให้แปลกใจเมื่อมีการเรียกขานกันว่า “พระพุทธเจ้าน้อย” อย่างเช่น พวกไปลุมพินีจะได้ยินพระทัวร์ย่านนั้น เรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า “Baby Buddha” ฟังแล้วแปลกๆ ไม่เป็นไปตามความเหมาะควร จึงใคร่ขออาราธนาพระอาจารย์ช่วยเขียนเตือนพระบางรูปที่เป็นต้นเหตุบัญญัติชื่ออันไม่ควร ให้เลิกกระทำเสีย อย่ามุ่งแต่ทำมาหากินแบบโลก จนลืมพระธรรมวินัย มันเป็นอาบัติที่กระทำต่อเนื่องเป็นอาจิณณกรรม จนประมวลรวมเป็นครุกาบัติ หรืออาบัติหนักได้ ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อผู้ปฏิญาณตนว่าเป็นสมณะในพระพุทธศาสนาอันประเสริฐสุดนี้เลย

อีกเรื่องหนึ่งคือ การรับเงินทอง วัตถุของมีค่าที่พุทธบัญญัติห้ามพระภิกษุรับเงินทอง หรือเก็บสั่งสม หรือผูกใจว่าเป็นเจ้าของ แม้จะไม่รับเอง เรื่องนี้ดูๆ จะแก้ไขยาก เห็นพระสงฆ์จำนวนมากยังกระทำกันอยู่อย่างไม่ละอาย แล้วจะเข้าถึงพรหมจริยาได้อย่างไร จะเป็นนาวิเศษได้อย่างไร อีกทั้งยังมีจำนวนไม่น้อยแม้พระมหาเถระระดับสูงยังถนัดอยู่กับงานปลุกเสกสร้างพระเครื่องวัตถุมงคลขาย ที่เรียกเลี่ยงบาลีว่า ให้ ผาติกรรม หรือเช่า องค์ละเท่านั้นเท่านี้ เพื่อนำเงินไปสร้างนั้นสร้างนี้ในวัดวาอาราม สิ่งเหล่านี้เป็นดิรัจฉานวิชา อันสมณะไม่ควรกระทำ ใช่ไหม....

โดยเฉพาะการสร้างรูปเทพเจ้าทั้งหลาย อย่างเช่น พิฆเนศ วัตถุในศาสนาพราหมณ์ หรืออย่างที่พระอาจารย์เขียนไปในวันก่อนๆ (จำไม่ได้แล้วว่าฉบับวันที่เท่าไหร่) ในเรื่องการประกอบพิธีพราหมณ์ในพุทธศาสนาเถรวาท มีการตั้งพิธีบวงสรวงเทวดา แบบพราหมณ์พิธีเต็มรูปแบบที่พุทธคยา เพื่อฉลองฉัตรทองคำจากประเทศไทย ที่ศรัทธาสาธุชนบริจาคเงินทองสร้างถวาย เพื่อเป็นพุทธบูชาในแดนพุทธภูมิ เรื่องดังกล่าวควรอนุโมทนาอย่างยิ่ง ในน้ำใสใจศรัทธาของชาวพุทธบ้านเราที่ยังเต็มเปี่ยม หากแต่พิธีกรรมที่ผสมผสานกับพราหมณ์พิธี ซึ่งมีพระผู้ใหญ่ในพุทธศาสนาไปร่วมกันหลาย... ตรงนี้แหละครับที่พุทธบริษัทขนานแท้รับไม่ได้ เพราะไม่ควรให้ศาสนาทรุดโทรมไปมากกว่านี้ ด้วยพุทธบริษัทอ่อนแอไม่ใส่ใจในศาสนธรรม จึงขอสรุปรายละเอียดความในใจ กราบนมัสการพระอาจารย์ช่วยเมตตาวิสัชนาด้วยเถิด

วิสัชนา เจริญพรสาธุชนผู้มีศรัทธามั่นคงในพระพุทธศาสนา ก่อนอื่นต้องขอตัดรายละเอียดปุจฉาให้ย่อลง เพื่อความเหมาะควรกับพื้นที่ลงพิมพ์ที่ได้สัมปทานมา ซึ่งก็คงตอบได้ยากขึ้นเพราะจำกัดเนื้อที่ จึงขอสรุปตอบหนึ่งประเด็น คือ เรื่องพระโพธิสัตว์ราชกุมาร หรือ เจ้าชายสิทธัตถะ ที่ต่อมาได้ออกแสวงหาโมกขธรรมจนบรรลุพระโพธิญาณ ประกาศความเป็นพระผู้มีพระภาคเจ้าด้วยพระพุทธวจนะที่ว่า

ภิกษุทั้งหลาย แต่เมื่อใดปัญญาอันรู้เห็นตามความเป็นจริงในอริยสัจสี่เหล่านี้ของเรา มีรอบ ๓ อาการ ๑๒ อย่างนี้ หมดจดแก่เราดีแล้ว

เมื่อนั้นเราจึงประกาศตนว่าเป็นผู้ตรัสรู้สัมมาสัมโพธิญาณ อันยอดเยี่ยมในโลก ที่มีเทวดา มาร พรหม ในเหล่าสัตว์มีสมณพราหมณ์ พร้อมด้วยเทวดาและมนุษย์

ความเป็นธรรมดาเมื่อความศรัทธาไหลบ่ากลับคืนสู่พุทธภูมิอีกครั้ง ตั้งแต่กึ่งพุทธศตวรรษมา จึงมีการพยายามแสดงออกถึงการเคารพสักการะอันสูงสุดแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า จากพุทธบริษัทประเทศต่างๆ ที่ผิดแผกแตกความรู้ความเข้าใจไปตามสภาพ...

เราจึงเห็นความหลากหลายที่ออกจะคล้อยเคลื่อนไปจากพุทธธรรมแท้ ก็พึงทำความเข้าใจเลือกดื่มกินเอาตามภูมิปัญญา สำหรับหลักฐานรูปเจ้าชายน้อย หรือโพธิสัตว์ราชกุมารนั้น ได้ค้นคว้าแล้วมีปรากฏในวงการโบราณคดีบ้านเราอยู่สององค์ องค์หนึ่งสมัยสุโขทัย พบในห้องกรุพระเจดีย์ฯ วัดมหาธาตุ อายุกว่าเจ็ดร้อยปี มีรูปลักษณะอ้วนท้วน พระพักตร์กลมอิ่ม รับอิทธิพลมาจากทางลังกา กำพระหัตถ์ซ้าย ชี้นิ้วชี้ลงดิน (ชี้ดิน) และกำพระหัตถ์ขวา ชี้นิ้วชี้ขึ้นเหนือศีรษะสู่ฟ้า (ชี้ฟ้า) ประกาศความเป็นเลิศเหนือโลกสาม...

อีกองค์หนึ่ง ได้จากฐานพระเจดีย์เชียงยัน ด้านทิศเหนือ ภายในวัดพระธาตุหริภุญไชย ลำพูน ซึ่งเป็นประติมากรรมสำริดยุคล้านนา สมัยพระเจ้าติโลกราช ราวห้าหกร้อยปีที่ผ่านมา เป็นปางชี้ฟ้าชี้ดิน แบบลังกา แต่รูปลักษณะสมส่วน แต่มีการระบุว่า ปางชี้ฟ้าชี้ดิน เป็นไปตามคติพุทธศาสนามหายาน ทำขึ้นในจีนราวพุทธศตวรรษที่ ๑๑ ไม่เคยปรากฏมาก่อนในพุทธเถรวาท สำหรับนัยคติธรรมที่เป็นปริศนาอยู่ในรูปนั้นก็คงใกล้เคียงกับที่กล่าวไปแล้ว จึงขอจบเพียงแค่นี้... เอวัง

ขอเจริญพร