posttoday

นานาสาระ จากอสาระ...ที่ชาวพุทธควรพิจารณาร่วมกัน!!

30 มีนาคม 2557

การเดินทางจาริกแสวงบุญของชาวพุทธในประเทศอินเดียเนปาล

โดย...พระอาจารย์อารยะวังโส

ปุจฉา

การเดินทางจาริกแสวงบุญของชาวพุทธในประเทศอินเดียเนปาล ปัจจุบันมีพุทธศาสนิกชนชาวไทยจำนวนมากไปปฏิบัติศาสนกิจ มีสถิติจำนวนมากที่สุดที่เดินทางไปสู่สังเวชนียสถานที่ประสูติ เรียกว่า มากกว่าชาวพุทธทุกประเทศ เรื่องดังกล่าวน่าภาคภูมิใจอย่างยิ่งในศรัทธาจิต ควรแก่การอนุโมทนา

แต่มีมุมมองอีกด้านหนึ่งเกิดขึ้น เมื่อได้พบเห็นศาสนิกชนยังปฏิบัติตนไม่ถูกต้องตามหลักพระพุทธศาสนา โดยเฉพาะมีการประกอบพิธีพราหมณ์รวมอยู่ในศาสนปฏิบัติของพุทธศาสนา ซึ่งในศาสนพิธีมักจะทำด้วยพระเถราจารย์... เรื่องดังกล่าวน่าเป็นห่วงอย่างยิ่งต่อการเผยแผ่พระพุทธศาสนาที่ถูกต้อง อันชอบต่อการเสริมสร้างศรัทธาของบุคคลที่ยังไม่ศรัทธา และทำให้มีศรัทธามั่นคงยิ่งขึ้นในผู้ที่มีศรัทธาอยู่แล้วเป็นพื้นฐาน อีกทั้งน่าเป็นห่วงต่อภาพพจน์ของพระภิกษุที่ทำหน้าที่ดูแลด้านการบรรยายที่เรียกว่า พระวิทยากร โดยเฉพาะการปฏิบัติตามพระธรรมวินัยในเสขิยวัตร และในสิกขาบทด้านอื่นๆ โดยเฉพาะการรับเงินทองของมีค่า การขบฉันที่ไม่ถูกต้องเหมาะควรในวัตถุปัจจัยตามกาลเวลา... ดังที่ปรากฏมีภาพพระภิกษุที่เดินทางไปอยู่ในต่างแดนได้กระทำการประกอบอาหารฉันกันเอง ซึ่งผิดสิกขาบทบัญญัติในปาฏิโมกข์ศีล ๒๒๗ สิกขาบท อันพระภิกษุควรสังวร ซึ่งดูเหมือนว่าจะถือปฏิบัติกันมากจนศาสนิกชนสับสนในเรื่องดังกล่าว มีการโต้แย้งกันในบางบุคคล... บางหมู่คณะ ด้วยมีความเชื่อความเห็นตามวัตรปฏิบัติของครูบาอาจารย์ตน เรื่องดังกล่าวเป็นความห่วงใยจากพุทธบริษัทที่ศรัทธาพระพุทธศาสนาอย่างมีปัญญา จึงควรเรียนมาเพื่อขอคำแนะนำว่าจะกระทำอย่างไร เพื่อจะได้ขจัดปัญหาดังกล่าวให้หมดสิ้นไปจากศาสนจักร

ในสุดท้ายใคร่ฝากข้อเรียกร้องถึงสำนักพุทธศาสนาแห่งชาติ มหาเถรสมาคม สมาคมพระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย วัดวาอารามในพระพุทธศาสนาทุกแห่ง ให้ช่วยกันจัดระบบระเบียบการเดินทางจาริกแสวงบุญ โดยเฉพาะมาตรฐานคุณภาพของบริษัททัวร์ที่ตั้งขึ้นมาประกอบการในเรื่องดังกล่าว โดยเฉพาะช่วยควบคุมเรื่องราคาอย่าให้แพงเกินไป ควรมีราคาทัวร์บุญถูกๆ คุณภาพดี พักตามวัดกินข้าวพระบ้าง เพื่อสนับสนุนพุทธศาสนิกชนที่มีศรัทธาแท้แต่ขาดแคลนทุนทรัพย์... ที่สำคัญอีกเรื่องคือ ช่วยพูดกับสายการบินใดๆ ก็ได้ให้เปิดกว้างจริงใจต่อผู้บริโภค เปิดโอกาสให้จองตั๋วซื้อตั๋วกันอย่างเสรี แต่ควบคุมการเอารัดเอาเปรียบ ดังเช่นที่ชอบมีการจองเหมาที่นั่งกันหมด โดยบริษัททัวร์ที่มีเส้นสาย จนชาวบ้านญาติธรรม พระภิกษุเล็กๆ ไม่มีเส้นสาย ยากที่จะเดินทางไปแสวงบุญในเขตสังเวชนียสถานทั้งสี่ เพราะหาที่นั่งในสายการบินที่ลงสนามบินคยาไม่ได้เลย หากอยากจะไปก็จะต้องดั้นด้นไปลงที่สนามบินกัลกัตต้า ด้วยเครื่องบินสายการบินต่างประเทศราคาประหยัด ซึ่งจะต้องเสียเงินทองค่าเหมารถยนต์เดินทางมาพุทธคยาอีกจำนวนไม่น้อย เรียกว่าอาจจะแพงกว่าค่าตั๋วเครื่องบินที่ซื้อจากบริษัททัวร์ ที่สามารถจัดบริการให้บินลงสนามบินคยาอินเดียได้

ท่านพระอาจารย์มีลูกศิษย์เป็นรัฐมนตรีกำกับดูแลงานศาสนา ถ้าอย่างไรช่วยกรุณาฝากสั่งสอนให้ช่วยดูแลเรื่องนี้บ้าง เห็นว่าเคยบวชอยู่กับท่านพระอาจารย์อารยะวังโส เรื่องที่พูดไม่ได้กล่าวล่วงเกินใดๆ แต่อยากจะขอความเมตตาจากท่าน ช่วยสื่อสารไปยังทุกฝ่ายโดยผ่านทางหนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ด้วย ซึ่งมีผู้หลักผู้ใหญ่ติดตามอ่านกันมากทั้งพระทั้งฆราวาส หวังว่าคงจะได้สะท้อนปัญหาไปถึงท่านเหล่านั้น และใคร่ขอรับคำแนะนำแบบหนักๆ แน่นๆ คมลึกจากพระอาจารย์อารยะวังโส

ด้วยความเคารพอย่างสูง

วสุลักว์


วิสัชนา

เจริญพรสาธุชน... โดยเฉพาะท่านพุทธบริษัทแท้ เนื้อหาในปุจฉาอ่านแล้วตบแต่งเล็กน้อยนำเสนอได้เลย เพื่อขอให้ทุกฝ่ายรับผิดชอบร่วมกันในการนำไปพิจารณาว่าควรจะคิดอ่านแก้ไขอย่างไรในทุกประเด็นปัญหาที่ปรากฏเป็นจริง... มีอยู่จริงในสังคมพระพุทธศาสนาของเรานี้... จากปุจฉาดังกล่าวทำให้อาตมาหวนระลึกถึงการปฐมสังคายนา อันมีเจตนาเพื่อสถาปนาพุทธศาสนจักรให้มั่นคง ด้วยการร้อยกรองพระธรรมวินัยให้เป็นหมวดหมู่ โดยมีมติของพระเถราจารย์อรหันตสาวก ๕๐๐ รูป ซึ่งมีพระมหากัสสปะเถรเจ้าเป็นประธานกระทำสังคายนาว่า “สิกขาบทบางอย่างที่เกี่ยวกับชาวบ้าน ชาวบ้านย่อมทราบว่าอะไรควรไม่ควร สำหรับสมณศากยบุตรทั้งหลาย หากจะถอนสิกขาบทบางข้อ ชาวบ้านจะตำหนิว่า พวกเราศึกษาปฏิบัติตามสิกขาบททั้งหลาย ในขณะที่พระศาสดาดำรงพระชนม์อยู่เท่านั้น พระบรมศาสดาปรินิพพานก็ไม่ใส่ใจปฏิบัติ จึงขอให้พระสงฆ์ทั้งปวงอย่าเพิกถอนสิกขาบทที่ทรงบัญญัติไว้ พึงสมาทานศึกษาตามสิกขาบทที่ทรงบัญญัติไว้ ห้ามแก้ไข เปลี่ยนแปลง เพิ่มเติม หรือถอดถอน”

แม้พระพุทธศาสนาจะมีพรรษายุกาลล่วงมา ๒,๖๐๐ กว่าปี แต่พระธรรมวินัยยังครบถ้วนสมบูรณ์ เหลือแต่ผู้ปฏิบัติเท่านั้นที่อ่อนด้อยอุดมการณ์ธรรมเข้ามาบวช เข้ามาสู่พระพุทธศาสนา อย่างไม่มีเป้าหมาย ไม่รู้จักคุณค่าแท้ จึงเป็นเรื่องของทุกฝ่ายต้องช่วยกัน โดยข้อแรกที่อาตมาขอบิณฑบาตญาติโยม คือ อย่าถวายเงินทองแก่พระภิกษุ เว้นให้ไว้กับลูกศิษย์อุปัฏฐากผู้ดูแล เพื่อพระคุณเจ้าเรียกใช้ในกัปปิยภัณฑ์อันควรแก่สมณะ... ก็จะลดปัญหาบุคคลปลอมปนเข้ามาบวชในพระศาสนาไปได้มากทีเดียว ส่วนเรื่องการเดินทางไปจาริกแสวงบุญตามเสนอ อาตมาจะประสานงานกับบุคคลที่เกี่ยวข้องให้ หากสามารถทำได้และเขายอมรับที่จะช่วยด้วยความสำนึกที่ถูกควรโดยธรรมในขั้นนี้จึงขอแจ้ง...เรียนผ่าน “ธรรมส่องโลก” ไปก่อน


เจริญพร