posttoday

แวดวงสงฆ์

02 กุมภาพันธ์ 2557

คอลัมน์แวดวงสงฆ์วันนี้ ขอไว้อาลัยต่อการถึงแก่กรรมของ พล.ต.ทองขาว พ่วงรอดพันธุ์

แวดวงสงฆ์

คอลัมน์แวดวงสงฆ์วันนี้ ขอไว้อาลัยต่อการถึงแก่กรรมของ พล.ต.ทองขาว พ่วงรอดพันธุ์ ซึ่งเป็นนักสู้ที่ถวายชีวิตเพื่อปกป้อง คุ้มครอง และส่งเสริมพระพุทธศาสนา โดยไม่หวั่นไหว นับเป็นชาวพุทธที่อุทิศตัวเพื่อพระพุทธศาสนาโดยแท้ จึงเป็นบุคคลแรกของชาวพุทธไทยที่ศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย อัญเชิญธงตราธรรมจักรคลุมศพในวันที่รับพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ เมื่อวันที่ 26 ม.ค. 2557 ที่ศาลา 15 วัดพระศรีมหาธาตุ บางเขน

พล.ต.ทองขาว พ่วงรอดพันธุ์ ถึงแก่กรรมด้วยวัย 70 ปี เกิดวันที่ 21 เม.ย. 2487 ที่บ้านหัวโคก ต.ตลิ่งชัน อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี เป็นบุตรของนายผ่อง นางจันทร์ พ่วงรอดพันธุ์ เป็นบุตรคนที่ 3 จากบุตรชายทั้งหมด 6 คน

บรรพชาเป็นสามเณรที่วัดจำปี ต.ตลิ่งชัน อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี เมื่อ พ.ศ. 2500 โดยมีหลวงพ่อส้ม สุนนฺโท หรือพระครูสุนันทสิกขกิจ เป็นอุปัชฌาย์ ได้ไปเรียนภาษาบาลีที่สำนักเรียนวัดดอนเจดีย์ ที่มีพระวิบูลเมธาจารย์ เป็นเจ้าอาวาส และเป็นเจ้าสำนักเรียน เมื่อ พ.ศ. 2501 เมื่อสอบได้ประโยค ป.ธ.3 ได้ย้ายมาอยู่วัดท่าโขลง ต.ท่าระหัด อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี เมื่อ พ.ศ. 2504

เมื่อสอบได้ประโยค ป.ธ.4 ใน พ.ศ. 2505 ได้ขอให้หลวงพ่อส้ม พามาฝากวัดพระพิเรนทร์ เขตป้อมปราบฯ กรุงเทพมหานคร เพื่อศึกษาต่อ

การเดินทางมาอยู่วัดพระพิเรนทร์ เมื่อเดือน เม.ย. 2505 นั้น ผู้เขียนได้เดินทางมาพร้อมกับ พล.ต.ทองขาว ขณะที่เป็นสามเณรด้วยทั้งคู่

พ.ศ. 2507 ได้เดินทางไปอุปสมบทที่พัทธสีมาวัดจำปี โดยมีพระวิบูลเมธาจารย์ วัดดอนเจดีย์ เป็นพระอุปัชฌาย์

การศึกษา สอบเปรียญธรรม 5 ประโยค และจบพุทธศาสตรบัณฑิต จากมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย จบแล้วทำงานให้มหาจุฬาฯ ในหลายตำแหน่ง แม้กระทั่งลาสิกขา เป็นนายทหาร เป็นอนุศาสนาจารย์กองทัพบกแล้ว ก็ยังมีบทบาทในการทำงานในฐานะอาจารย์ และในฐานะศิษย์เก่า จนกระทั่งดำรงตำแหน่งนายกสมาคมศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (ขณะที่ครองยศพันโท)

บทบาทที่สร้างชื่อเสียงให้ พล.ต.ทองขาว ว่าเป็นคนของชาวพุทธ คนของประชาชนคือการจัดรายการธรรมร่วมสมัย ทางวิทยุ อสมท ในเวลาหลังเที่ยงคืนไปแล้ว มีผู้ฟังเป็นแฟนคลับจำนวนมาก

เรื่องที่พูดในรายการธรรมร่วมสมัย นอกจากรายการธรรมแล้ว ก็เป็นเรื่องที่แสดงความคิดเห็นเท่าทันเหตุการณ์ ต่อต้านการคุกคามและทำลายพระพุทธศาสนาทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นใครหน้าไหนทั้งคนในศาสนาพุทธด้วยกัน และคนนอกศาสนา เพราะ พล.ต.ทองขาว ถือธรรมเป็นใหญ่ ไม่เคยกลัว สมกับเป็นเลือดเนื้อคนสุพรรณจริงๆ

การต่อสู้ของ พล.ต.ทองขาว ช่วยแก้ปัญหาต่างๆ ให้แก่ชาวพุทธ และก่อให้เกิดหลายสิ่งหลายอย่าง เช่น เมื่อทำงานร่วมกับศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย ก็เกิดสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ที่เป็นองค์กรของรัฐบาลที่ทำหน้าที่ช่วยและส่งเสริมพระพุทธศาสนาสถานเดียว จนถึงปัจจุบัน

พล.ต.ทองขาว เคยได้รับเชิญจากสมเด็จพระพุฒาจารย์ (อุปเสณเถระ) ประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ให้เข้ารายงานปัญหาความมั่นคงทางพระพุทธศาสนาให้กรรมการมหาเถรสมาคมครั้งหนึ่ง

ที่ประทับใจสมเด็จพระพุฒาจารย์ เมื่อระดมมวลสมาชิกมาปกป้องสมเด็จพระพุฒาจารย์ (อุปเสณเถระ) ตอนที่ถูกนายทองก้อนลูกศิษย์หลวงตามหาบัว พาพวกมาบีบสมเด็จพระพุฒาจารย์ ถึงวัดสระเกศฯ

ในฐานะศิษย์เก่าวัดจำปี นอกจากศาลาบำเพ็ญกุศลขนาดใหญ่ของวัดแล้ว อุโบสถวัดจำปี ก็ได้ พล.ต.ทองขาว สร้างให้ใหม่แทนอุโบสถหลังเก่าที่สร้างไม่เสร็จ

งานวัดพระพิเรนทร์ที่ พล.ต.ทองขาว อาศัยอยู่หลายปี เมื่อมีงานไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ ต้องมี พล.ต.ทองขาว มาทำหน้าที่โฆษก และช่วยเหลืออย่างอื่นๆ เท่าที่จะทำได้

พล.ต.ทองขาว นั้นเคารพและศรัทธา พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต) เป็นอย่างยิ่ง จึงเห็น พล.ต.ทองขาว ทุ่มเทช่วยงานที่วัดญาณเวศกวัน ตลอดตั้งแต่สร้างวัดจนถึงปัจจุบัน

พล.ต.ทองขาว จึงเป็นความภูมิใจของสำนักต่างๆ ที่เคยอยู่ เคยร่ำเรียนเสมอ เพราะนอกจากเป็นนายพลแห่งกองทัพบกแล้ว เป็นคนที่ทำงานเพื่อสังคม เพื่อพระพุทธศาสนา ยังเป็นคนกตัญญูรู้คุณที่ไม่เคยลืมสำนักที่ตนเคยอยู่อาศัย

เมื่อ พล.ต.ทองขาว ถึงแก่กรรม เมื่อวันที่ 25 ม.ค. 2557 ที่ จ.เชียงราย ขณะที่ไปทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาให้กับพระราชญาณกวี รักษาการเจ้าคณะจังหวัดพะเยาน่าน (ธ.) ถือว่าถึงแก่กรรมในหน้าที่ จึงเป็นคนแรกในประวัติศาสตร์ชาวพุทธที่ได้ธงธรรมจักรคลุมศพ สมกับเป็นบุคคลที่ทำงานเพื่อสังคม แม้ตัวจะตายแต่ชื่อยัง ดังที่พระวิบูลเมธาจารย์ เจ้าสำนักเรียนวัดดอนเจดีย์ อาจารย์ของ พล.ต.ทองขาว เขียนเป็นคติพจน์ว่า อยู่เพื่อตัว อยู่แค่สิ้นลม อยู่เพื่อสังคม อยู่คู่ฟ้าดิน

ขอให้วิญญาณ พล.ต.ทองขาว จงสถิตในสรวงสวรรค์เทอญ