posttoday

นักธุรกิจไทย-สานสัมพันธ์ ประเทศเพื่อนบ้านด้วยศาสนา

10 พฤศจิกายน 2556

ขณะที่ฝ่ายการเมือง/รัฐบาลไทยและกัมพูชา วิตกต่อสถานการณ์ของ 2 ประเทศจะรุนแรง

ขณะที่ฝ่ายการเมือง/รัฐบาลไทยและกัมพูชา วิตกต่อสถานการณ์ของ 2 ประเทศจะรุนแรง หลังจากศาลโลกตัดสินคดีปราสาทพระวิหาร วันที่ 11 พ.ย. 2556 เหมือนที่เคยเกิดขึ้นในอดีต แต่นักธุรกิจระหว่างประเทศ เช่น สุภชัย วีระภุชงค์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โภคีธรา ผู้บริหารโรงแรม โซฟิเทล ในพนมเปญและเสียมราฐ และบริษัทตัวแทนยาจากไทยในกัมพูชา เจ้าของโรงงานผลิตยาไทยนครพัฒนา สาขาเวียดนาม ที่ผลิตยาแก้หวัด Tiffy ไม่วิตกกังวล ตรงกันข้ามมีแต่ความสบายใจด้วยการสานสัมพันธ์ประชาชนใน 2 ประเทศ โดยผ่านพระพุทธศาสนาที่คนส่วนใหญ่เคารพนับถือ

ประสบการณ์ 23 ปี

สุภชัยโลดแล่นในประเทศอินโดจีนมานาน 23 ปี ด้วยการลงทุนใน สปป.ลาว กัมพูชา และเวียดนาม แม้ว่าจะเคยเจ็บปวดเมื่อโรงแรมรอยัล พนมเปญ ระดับ 5 ดาว ถูกประชาชนชาวกัมพูชาบุกเผา พร้อมสถานทูตไทย และธุรกิจคนไทยในพนมเปญ เมื่อวันที่ 29 ม.ค. 2546 แต่ไม่ถอดใจ เพราะหลังจากนั้นได้ลงทุนใหม่ใหญ่กว่าเดิม เช่น สร้างโรงแรม โซฟิเทล โภคีธรา พนมเปญ ขนาด 5 ดาว และทำพิธีเปิดอย่างยิ่งใหญ่ เมื่อวัน 29 มี.ค. 2554 ท่ามกลางเสียงปืนจากสงครามไทยกัมพูชา ที่ชายแดนด้านปราสาทพระวิหารยังดังสนั่น

สุภชัยลงทุนในอินโดจีนเริ่มจากตั้งบริษัทไทยเมด (ประเทศ สปป.ลาว) ปี 2534 ต่อมาในปี 2535 ขยายการลงทุนไปในกัมพูชา ทำธุรกิจโรงแรมระดับ 5 ดาว ที่จังหวัดเสียมราฐ ภายใต้ชื่อ “ โรงแรม โซฟิเทล อังกอร์ โภคีธรา กอล์ฟ แอนด์ สปา รีสอร์ท ทำสนามกอล์ฟที่เสียมราฐภายใต้ชื่อ “สนามกอล์ฟโภคีธราคันทรีคลับ”

ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ บริษัท มิก้า มีเดีย (ประเทศกัมพูชา) พนมเปญ ก่อสร้างและบริหารสถานีโทรทัศน์ช่อง 5 และวิทยุ FM 98 mhz.

ตั้งบริษัท Cambodia Development Co.,Ltd พนมเปญ ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายน้ำดื่มภายใต้ Brand Lyyon (ลีออง)

ตั้งบริษัท T.N.P. Healthcare (Cambodia) Co.,Ltd. พนมเปญ นำเข้าและจำหน่ายยาในประเทศกัมพูชา

นักธุรกิจไทย-สานสัมพันธ์ ประเทศเพื่อนบ้านด้วยศาสนา

 

รางวัล

ปี 2556 โรงแรม โซฟิเทล โภคีธรา พนมเปญ และโซฟิเทล เสียมราฐ ได้รับรางวัลระดับโลก คือ โซฟิเทล โภคีธรา พนมเปญ ได้รับการลงคะแนนให้เป็นโรงแรมยอดเยี่ยมที่สุดอันดับ 2 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จาก 2013 Readers' Choice Awards ของ Conde Nast Traveler นิตยสารท่องเที่ยวที่มียอดขายสูงสุด เป็นที่นิยมและมีความน่าเชื่อถือสูงที่สุดในแวดวงท่องเที่ยวของอเมริกาและเป็นอันดับที่ 35 ของโลก

ส่วนโรงแรม โซฟิเทล เสียมราฐ ติดอันดับ Top Ten (อันดับที่ 5) ในโรงแรมระดับ 5 ดาว ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

สุภชัย กล่าวว่า การที่โรงแรม โซฟิเทล อยู่อันดับต้นๆ ของโลกและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยใช้หลักบริหารตามแนวยุโรป แต่ใช้หลักบริการตามแนวพุทธ พนักงานต้อนรับยิ้มต้อนรับแขกด้วยใจจริงและเป็นธรรมชาติ เพราะใช้หลักพุทธศาสนามาอบรม จึงเห็นพนักงานทุกคนรู้จักทำบุญตักบาตร แม้กระทั่งผู้จัดการที่นับถือศาสนาคริสต์ก็ยินดีปฏิบัติ

ทำตัวเป็นแบบอย่าง

สุภชัยได้ปฏิบัติตามพระธรรมคำสอนและเป็นตัวอย่างแก่พนักงานนับพันคน ก่อนนำไปสอนและอบรมพนักงาน เช่น ไม่เคยเว้นการสวดมนต์ทำวัตรเช้าเย็น ไม่ว่าจะอยู่เมืองไทย กัมพูชา เวียดนามสปป. ลาว หรืออินเดีย ดังนั้นจึงเห็นกระเป๋าแฮนด์แบ็กของสุภชัยมีหนังสือสวดมนต์ พร้อมที่จะหยิบมาสาธยายได้ตลอดเวลา

สุภชัยมั่นใจและเชื่อมั่นว่าการสวดมนต์ให้ทั้งความสุข สมาธิ และความปลอดภัย เพราะเมื่อนำพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า ซึ่งมีทั้งคุณค่าและความศักดิ์สิทธิ์มาสาธยายด้วยตนเอง ย่อมได้สิ่งดีๆ แก่ตนเอง ดีกว่าพระสมเด็จราคานับล้านเสียอีก

นักธุรกิจไทย-สานสัมพันธ์ ประเทศเพื่อนบ้านด้วยศาสนา

 

ไม่วิตกกับเหตุการณ์ต่างๆ

ถามว่าวิตกกับเหตุการณ์ต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น หลังจากศาลโลกตัดสินคดีปราสาทพระวิหาร วันที่ 11 พ.ย.นี้หรือไม่ สุภชัยพูดด้วยความมั่นใจว่าไม่เคยวิตกกังวลอะไร เพราะตนทำงานในประเทศกัมพูชา สปป.ลาว และเวียดนาม โดยคิดว่าประเทศที่ไปทำธุรกิจนั้นเหมือนประเทศหนึ่งที่เป็นบ้านเกิดเมืองนอน รู้สึกเหมือนว่าตนอาจเคยอยู่ หรือเคยเกิดในประเทศนั้นๆ ในอดีตชาติ ตามหลักความเชื่อทางพระพุทธศาสนาที่เชื่อเรื่องบุญกรรม และชาติหน้ามีจริง

นำพระพุทธศาสนาประสานรอยร้าว

เพื่อให้ชาวพุทธทั้งสองประเทศเข้าใจกัน มีศาสนาและวัฒนธรรมที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน จะไม่นำปัญหาความขัดแย้งระดับรัฐบาลมาเป็นปัญหาในระดับประชาชน เมื่อไทยและกัมพูชาเกิดสงครามย่อยๆ ที่ชายแดนในปี 2554 สุภชัยจึงนิมนต์ สมเด็จพระเทพวงศ์ สมเด็จพระสังฆราชแห่งกัมพูชา ฝ่ายมหานิกาย และสมเด็จบัวคลี่ สมเด็จพระสังฆราชแห่งกัมพูชา ฝ่ายธรรมยุต เสด็จมาวัดสระเกศ กรุงเทพมหานคร เพื่อสนทนาธรรมและแลกเปลี่ยนความสัมพันธ์ทางพุทธศาสนากับสมเด็จพระพุฒาจารย์ (อุปเสณเถระ) ประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชในขณะนั้น

เมื่อสมเด็จเจ้านโรดม สีหนุ แห่งกัมพูชาสวรรคต สุภชัยเป็นธุระประสานงานกับสถานทูตไทยในพนมเปญ ให้นิมนต์พระเถระจากมหาเถรสมาคมไปเป็นเจ้าภาพสวดพระอภิธรรมถวายพระศพสมเด็จพระนโรดม สีหนุ ณ พระราชวังเขมรินทร์ ซึ่งได้สร้างความประทับใจแก่พระสงฆ์และพระพุทธศาสนิกชนกัมพูชา สถานการณ์ที่ตึงก็ผ่อนเบาและคลี่คลาย

นักธุรกิจไทย-สานสัมพันธ์ ประเทศเพื่อนบ้านด้วยศาสนา

 

ตั้งทุนอบรมธรรมทูต

สุภชัยซึ่งเป็นผู้ศึกษาและปฏิบัติธรรมตามพุทธธรรมบวชเรียนมาแล้วทั้งที่วัดชลประทานรังสฤษดิ์ และวัดไทยพุทธคยา อินเดีย จึงได้สนับสนุนส่งเสริมพระสงฆ์ไทยและเพื่อนบ้านให้ได้รับการศึกษาธรรมแห่งพระพุทธศาสนาเชิงลึกในประเทศอินเดีย ตามโครงการพุทธพลิกโลกของสถาบันโพธิคยาวิชชาลัย 980 ที่สุภชัยดำรงตำแหน่งเลขาธิการ

สถาบันโพธิคยาวิชชาลัย 980 ก่อตั้งโดยนักธุรกิจ นักวิชาการ และข้าราชการระดับสูง ที่ได้อุปสมบทบนดินแดนพุทธคยาสถานที่ตรัสรู้ของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ภายใต้การสนับสนุนโดยสถานเอกอัครราชทูตไทยประจำสาธารณรัฐอินเดีย เพื่อถวายพระราชกุศลในวโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในปี 2551 เมื่อลาสิกขาแล้วจึงได้ตั้งสถาบันเพื่อสนับสนุนส่งเสริมพระพุทธศาสนา โดยจัดส่งพระสงฆ์ไปศึกษาพุทธศาสนาเชิงลึกในประเทศอินเดีย เป็นเวลา 90 วัน เพื่อให้ได้สัมผัสสถานที่เกี่ยวข้องกับสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจริงๆ

โดยจัดส่งไปแล้ว 5 รุ่น โดย 2 รุ่นหลังนิมนต์พระจาก สปป.ลาว กัมพูชา และเวียดนาม ประเทศละ 2 รูป เข้าฝึกอบรมกับพระไทยที่อินเดีย

การขยายไปยังประเทศเพื่อนบ้านเพื่อต้องการให้ประเทศที่นับถือพระพุทธศาสนาเถรวาทด้วยกันมีความสมานสามัคคี เมื่อพระสงฆ์เข้าใจกันดี จะส่งผลถึงประชาชนคนทั่วไปด้วย

ปี 2557 จะให้ทุนพระสงฆ์เพิ่มเป็น 60 รูป เพื่อช่วยกันเผยแพร่ในพื้นที่ต่างๆ ให้มากยิ่งขึ้น ทั้งนี้โครงการมีพระธรรมวรนายก เจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานโครงการ ได้รับการสนับสนุนจากพระเถระระดับสูงตั้งแต่สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ เจ้าคณะใหญ่หนกลาง กรรมการมหาเถรสมาคม และพระเถระเจ้าคณะต่างๆ เกือบทุกภาคทั่วประเทศเมตตาคัดเลือกและส่งพระภิกษุที่มีศักยภาพเข้าฝึกอบรมติดต่อกันมา 5 รุ่น รุ่นละ 30-33 รูป ส่วนจากประเทศเพื่อนบ้านได้รับการสนับสนุนจากพระสังฆราชและพระเถระผู้นำของประเทศนั้นๆ

นักธุรกิจไทย-สานสัมพันธ์ ประเทศเพื่อนบ้านด้วยศาสนา

 

AEC ต้องมีพุทธขับเคลื่อน

สุภชัย เปิดเผยความในใจว่า ประชาชนชาวไทยและอินโดจีนนั้น มีประเพณีศาสนาและวัฒนธรรมคล้ายคลึงกัน ต่างกันเฉพาะลัทธิการปกครองเท่านั้น ถ้าหากผู้คนแต่ละประเทศยอมรับนับถือให้เกียรติกันจะเกิดความสุขและสันติ เพราะส่วนมากนับถือศาสนาพุทธเหมือนกัน จึงเห็นว่าหลักการ AECแม้จะดี แต่ก็จำเป็นต้องนำพระพุทธศาสนาเป็นตัวเชื่อมและขับเคลื่อน มิเช่นนั้นจะประสบความสำเร็จได้ยาก