posttoday

ธรรมบรรยาย ณ วัดพระแก้วน้อมถวายเป็นพระราชกุศล... เมื่อ ๒๑ ก.ค. ๒๕๕๖(ตอน ๑๒)

26 สิงหาคม 2556

ในท้ายแห่งวิสัชนานี้ อาตมาขอนำคำกล่าวถวายพระพร ที่ พล.อ.จรัลกุลละวณิชย์ ซึ่งเป็นตัวแทนของคณะศิษย์ศรัทธาฯ

โดย...พระอาจารย์อารยะวังโส

ในท้ายแห่งวิสัชนานี้ อาตมาขอนำคำกล่าวถวายพระพร ที่ พล.อ.จรัลกุลละวณิชย์ ซึ่งเป็นตัวแทนของคณะศิษย์ศรัทธาฯ ได้กล่าวถวายพระพร เนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพ ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๕๖ ใน สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม พระบรมมหาราชวัง กรุงเทพฯ เพื่อสาธุชนทุกท่านจะได้น้อมใจถวายพระพรไปพร้อมกัน อันเป็นเรื่องที่พสกนิกรชาวไทยควรจะกระทำอย่างยิ่ง ดังที่ พล.อ.จรัล ได้นำสาธุชนและประชาชนทั่วประเทศถวายพระพร ดังคำกล่าวถวายพระพรต่อไปนี้

“ขอพระราชทานกราบบังคมทูล สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ์ สยามมกุฎราชกุมาร ทราบฝ่าละอองพระบาท

ข้าพระพุทธเจ้า พล.อ.จรัล กุลละวณิชย์ ราชองครักษ์พิเศษ ผู้แทนคณะศิษย์ศรัทธา ในพระอธิการอารยะ อารยะวังโสภิกขุ เจ้าอาวาสวัดป่าพุทธพจน์หริภุญไชย ต.ต้นธง อ.เมือง จ.ลำพูน ในสมณศักดิ์ที่ พระครูปลัดวิริยวัฒน์ คณะสงฆ์และศิษย์ศรัทธาฯ พร้อมใจกันมาปฏิบัติธรรม เจริญพระพุทธมนต์ สวดพระปริตรอธิษฐานจิตเพื่อแผ่นดินไทย เพื่อน้อมเกล้าฯ ถวายเป็นพระราชกุศลและเพื่อความร่มเย็นของแผ่นดินไทย โดยต่อเนื่องสม่ำเสมอเกือบทุกเดือน มาเป็นเวลาหลายปีแล้ว ในที่ต่างๆ เช่น ที่พระอุโบสถวัดช้างไห้ จ.ปัตตานี, ศาลาอเนกประสงค์ กรมทหารราบที่ ๑๑ รักษาพระองค์, พระอุโบสถวัดระฆังโฆสิตารามวรวิหาร เป็นต้น และในวันนี้ ซึ่งเป็นครั้งที่ ๔๖ ได้รับพระมหากรุณาให้มาปฏิบัติธรรมได้ ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดารามแห่งนี้

โดยที่วโรกาสวันคล้ายวันพระราชสมภพของใต้ฝ่าละอองพระบาท สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ์ สยามมกุฎราชกุมารจะเวียนมาครบ ๖๑ พรรษา ในสัปดาห์หน้า คือวันที่ ๒๘ ก.ค.นี้ ยังความปลาบปลื้มปีติยินดีมาสู่ปวงข้าพระพุทธเจ้าและพสกนิกรไทยเทศถ้วนหน้า ด้วยสำนึกในพระกรุณาธิคุณที่ใต้ฝ่าละอองพระบาท ทรงพระราชทานต่อปวงชาวไทย ต่อชาติบ้านเมือง ต่อศาสนาทุกศาสนา มาตลอดเป็นเวลายาวนาน หากจะนับเพียงตั้งแต่ได้ทรงรับศีลและแสดงพระองค์เป็นพุทธมามกะ เมื่อวันที่ ๓ ก.ค. ๒๕๐๙ ซึ่งเป็นเวลาถึง ๔๗ ปีล่วงมาแล้ว และนับแต่นั้นเป็นต้นมา

ก็เสด็จฯ ไปทรงบำเพ็ญพระราชกุศลด้านศาสนาตลอดมา ปวงข้าพระพุทธเจ้า ยังจดจำได้ดี ถึงคราที่ได้เสด็จฯ ลงบำเพ็ญพระราชกุศลทรงบาตรร่วมกับประชาชน ณ ท้องสนามหลวง เมื่อวันที่ ๒๙ ธ.ค. ๒๕๑๕ เนื่องในการพระราชพิธีสถาปนาพระนามาภิไธย สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ์ สยามมกุฎราชกุมาร ซึ่งเป็นสิริและมงคลที่พสกนิกรจดจำไว้เหนือเศียรเกล้าไม่รู้ลืม ที่สำคัญอีกคือครั้งที่ทรงมีพระราชศรัทธาเสด็จฯ ออกทรงผนวช ระหว่างวันที่ ๖๒๐ พ.ย. ๒๕๒๑ ได้ทรงศึกษาและปฏิบัติตามพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด ทรงทำนุบำรุงพระศาสนา ได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปลี่ยนเครื่องทรงพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรตามฤดูกาล ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลในวันสำคัญทางศาสนา ทรงเป็นประธานดำเนินการเรื่องพระพุทธรูปแกะสลักบนหน้าผาเขาชีจรรย์ จ.ชลบุรี จนเสร็จสมบูรณ์ เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อครั้งครองสิริราชสมบัติ ๕๐ ปี และได้รับพระราชทานนามว่า “พระพุทธมหาวชิรอุตตโมภาสศาสดา” มีความหมายว่า “พระพุทธเจ้าทรงเป็นศาสดาที่รุ่งเรืองสว่างประเสริฐดุจดังมหาวชิร” ทรงเสด็จฯ แทนพระองค์ไปเปิดงานเมาลิดกลาง ทรงร่วมกิจกรรมส่งเสริมคริสต์ศาสนาและศาสนาซิกข์ อย่างสม่ำเสมอตลอดมา

อ่านต่อฉบับหน้า