posttoday

ธรรมบรรยาย จากมุมไบ มงคลสูตร...สู่การเจริญวิปัสสนา (ตอน ๕)

06 พฤษภาคม 2556

การสวดมนต์อย่างเข้าใจความหมาย ก็คือ การภาวนา หรือจิตตภาวนา เป็นอย่างเดียวกัน เพราะฉะนั้น เมื่อสวดมนต์แล้วมีสมาธิ การภาวนาก็จะเกิดขึ้น

โดย...พระอาจารย์อารยะวังโส

การสวดมนต์อย่างเข้าใจความหมาย ก็คือ การภาวนา หรือจิตตภาวนา เป็นอย่างเดียวกัน เพราะฉะนั้น เมื่อสวดมนต์แล้วมีสมาธิ การภาวนาก็จะเกิดขึ้น การภาวนาคือการพัฒนาจิต ก็คือ วิปัสสนาญาณนั่นเอง

นั่นแสดงว่า เมื่อสวดมนต์ หรือฟังผู้อื่นสวด และกำหนดรู้ตาม นั่นคือ การเรียนรู้ หรือการภาวนานั่นเอง ดังเช่นที่มีพระอรหันต์เจ้า พระอรหันตสาวกเกิดขึ้นได้มากมายจากการฟังการสวดสาธยาย เพราะการสวดสาธยายนั้น ก็คือการเทศนานั่นเอง

การที่เราสวดมนต์กัน จึงเป็นการจดจำพระสูตรคำสอน เมื่อก่อนไม่มีการบันทึกไว้ ก็เลยต้องใช้การสวดเป็นการจดจำ ในสมัยก่อนนั้น พระสงฆ์จะต้องสวดท่องจำพระสูตรต่างๆ ตามที่พระอาจารย์มอบหมาย เพื่อจะได้ช่วยกันจดจำคำสั่งสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้า ดังเช่นที่ปรากฏในการสังคายนาครั้งที่ ๑ ที่พระนครราชคฤห์ และเมื่อเสร็จเรียบร้อยก็จะแบ่งให้สำนักของอาจารย์ต่างๆ ได้ไปท่องบ่นจดจำกัน ไม่ได้มีการบันทึกไว้เป็นหนังสือ สมัยนั้นยังไม่มี ยังไม่ใช้ตัวหนังสือบันทึก

การสวดมนต์หรือการท่องบ่นจดจำนี้ จึงเป็นการจดจำพระธรรมคำสั่งสอน หรือการเก็บพระไตรปิฎกไว้ในจิต เพราะฉะนั้น ผู้ที่สวดท่องบ่นจดจำได้ ก็จะรู้หลักการ รู้หลักคำสอนในพระพุทธศาสนาว่า ควรใช้หลักธรรมอย่างไรในการพัฒนาจิต เพื่อการบรรลุความสูงสุด ก็คือความสิ้นทุกข์

ดังนั้น จะให้ข้อสังเกตว่า คำว่า “การเจริญวิปัสสนา” ก็คือ การทำความเข้าใจในหลักธรรมให้แจ่มแจ้ง จนเกิดปัญญาตามหลักธรรมนั้น ซึ่งทำให้จบสิ้นความสงสัย คือ จบสิ้นอำนาจของอวิชชา ก็คือจบสิ้นทุกข์

อ่านต่อฉบับพรุ่งนี้