posttoday

ตอบปัญหาธรรมที่ชาวบ้านควรรู้ (ตอน ๖)

08 เมษายน 2556

การรับเงินทองของพระภิกษุสงฆ์ ก็เกิดมาจากความไม่รู้ความถูกผิดของสาธุชนเป็นต้นเหตุ

โดย...พระอาจารย์อารยะวังโส

เช่น การรับเงินทองของพระภิกษุสงฆ์ ก็เกิดมาจากความไม่รู้ความถูกผิดของสาธุชนเป็นต้นเหตุ จึงจัดถวายใส่ซอง ทอดผ้าป่า อ้างผ้ากฐินกันให้ว่อน... แม้รูปแบบสังฆทานก็ผิดเพี้ยนไปจากศาสนธรรม จนกลายเป็นเครื่องมือทางการค้า ให้สบสมอารมณ์หมายของบรรดาผู้ปรารถนาลามกทั้งหลาย

เรื่องดังกล่าวจึงควรกลับมาพิจารณาร่วมกันในหมู่ศรัทธาญาติโยมว่า... ทำไม... อย่างไร... เพื่อเข้าให้ถึงเหตุปัจจัยแห่งปัญหาที่เคลื่อนไปตามวิถีโลก อันสัมพันธ์กับบุคคลและสิ่งแวดล้อม... เพื่อหาทางยุติปัญหาดังกล่าวให้ได้อย่างรวดเร็ว จะได้รักษาพระพุทธศาสนาให้สืบเนื่องอายุต่อไป เพื่อการอนุเคราะห์โลก ที่นับวันจะย่ำแย่ลง... เสื่อมถอยลงไปจากศีลธรรมความดีขั้นพื้นฐาน โดยควรเริ่มต้นที่ศรัทธาญาติโยม ซึ่งอ้างตนว่าเป็นพุทธศาสนิกชน ให้ได้รับการเรียนรู้ว่า พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนอย่างไร หรือ อะไรคือพระธรรมวินัยในพระพุทธศาสนานี้... เพื่อจะได้ทราบได้รู้ถึงพุทธบัญญัติที่ถูกต้อง จะได้นำมาประพฤติปฏิบัติกันให้ถูกตรงตามพระธรรมวินัย อาตมาเชื่อว่า บัดนี้ ถึงเวลาแล้วที่พระพุทธศาสนาจะต้องได้รับการดูแลรักษาโดยพุทธศาสนิกชนทุกฝ่าย โดยเฉพาะสาธุชนผู้มีสัมมาทิฏฐิทั้งหลาย ที่ควรกระทำความถูกต้องให้ประจักษ์ อย่าไปตามใจนักบวชชั่ว ปากคาบคัมภีร์หลอกหากินไปวันๆ... ซึ่งถ้าสาธุชนไม่สนับสนุนส่งเสริม พวกเปรตอสูรกายที่แอบเข้ามาทำลายพระศาสนาเหล่านั้น ก็จะอยู่ไม่ได้... แต่ที่ยังอยู่ได้อ้วนท้วนสมบูรณ์ ดุจมีอำนาจบารมี ก็เพราะสาธุชนไม่ใส่ใจในพระธรรมวินัย จึงนำไปสู่การสงเคราะห์อุ้มชูเปรตมารเหล่านั้น ให้ทำลายพระพุทธศาสนาสืบไป ใช่ไหม!? ...ปัญหาดังกล่าวจึงควรเริ่มต้นแก้ที่ต้นเหตุตรงนี้แหละ โดยเริ่มแก้ที่ตัวเรา พวกเราที่เป็นชาวพุทธ ว่า อย่าได้สงเคราะห์ผิดๆ เพี้ยนๆ ไปจากพระธรรมวินัย เพราะนั่นคือการร่วมกันทำลายพระพุทธศาสนา จึงปฏิเสธไม่ได้ว่า ไม่ได้ร่วมกันกระทำบาป เพราะเราส่งมีดหรือศาสตราอาวุธให้ฆาตกร... เราเปิดบ้านให้โจรเข้าปล้นทำลาย... เราให้ที่พักพิงคนพาลเพื่อจะได้ทำความชั่วต่อไป... และนี่คือเหตุปัจจัยที่แท้จริงของปัญหาที่ไม่หมดสิ้นไป ทั้งนี้ เพราะการไม่รู้จักสงเคราะห์ในสิ่งที่ควรสงเคราะห์ แต่กลับไปสงเคราะห์ในสิ่งที่ไม่ควรสงเคราะห์ นั่นเองเป็นเหตุปัจจัยของปัญหาดังกล่าว...

สู่ปัญหาข้อที่ ๓ ที่ปุจฉาว่า จะทำอย่างไรให้หมู่ชนกลับมาหาศีลธรรม ไม่ทะเลาะรกรุงรัง แตกแยกอย่างในปัจจุบัน... ก็ได้มีญาติโยมศรัทธาธรรมส่องโลก จดหมายแสดงความเห็นเข้ามา จึงขอนำเสนอเพื่อช่วยกันคิด ร่วมกันทำ มุ่งหน้าสู่ความถูกต้องตามวิถีพุทธ ลองพิจารณากันดู....

..........

กราบนมัสการ พระอาจารย์อารยะวังโส

โยมช่วยตอบคำถามข้อ ๓ เพราะเห็นว่าเป็นคำถามง่ายๆ เหมาะกับโยมจะช่วยตอบ

นมัสการค่ะ

เชาว์ศิริ อินทร์แก้ว

คำถามข้อ ๓ นี้ตอบได้ง่ายๆ สั้นๆ กุดๆ ว่า ถ้าเพียงแต่คนเราทุกคนหันมาดูตัวเอง อบรมตนเองไม่ให้ล่วงเกินบุคคลอื่นใด ทั้งทางกาย ทางวาจา และทางใจแล้ว สังคมย่อมสงบร่มเย็น มีแต่ความสุขเป็นผล ที่ผ่านมานั้น เราทุกคนส่วนใหญ่อบรมตนเองได้ก็แต่ทางกาย เพราะมีกฎหมายควบคุมความประพฤติอยู่ ทางวาจานั้นก็มีกฎหมายควบคุมอยู่บ้างนิดหน่อย แต่ทางใจนี่สิ ไม่มีกฎหมายควบคุมเลย มีแต่ตัวเราเองเท่านั้นที่จะต้องควบคุม ถ้าแม้แต่ตัวเราเองนั้นก็ควบคุมไม่ได้ ก็อย่าไปคาดหวังว่าบุคคลอื่นๆ จะควบคุมได้ และอย่าได้คาดหวังความสงบร่มเย็นใดๆ เลย แต่แนะนำว่าให้น้อมนำความทุกข์ใจ อันเนื่องจากเราไม่มีทางหวังได้ซึ่งความสงบสุขร่มเย็นของสังคมนี้ มาให้เห็นภัยในวัฏฏะจะดีกว่า จะได้เพียรปฏิบัติไปให้ถึงจุดหมายสูงสุดของพระพุทธศาสนา ส่วนคำตอบของคำถามข้อ ๑ และ ๒ นั้นจะเป็นผลพลอยได้จากคำตอบของคำถามข้อ ๓ นี้...

ปุจฉา...จากปัญหาข้อที่ ๓ จะทำอย่างไรให้หมู่ชนกลับมาหาศีลธรรม ไม่ทะเลาะรกรุงรัง แตกแยกอย่างในปัจจุบัน...

วิสัชนา...มีสาธุชนสนใจตอบปัญหาข้อนี้กัน ดังที่ได้นำลงไปบ้างแล้ว หากท่านผู้ใดต้องการแสดงความคิดเห็น ตอบปัญหาดังกล่าวร่วมกัน ก็ยินดีอย่างยิ่งที่จะพิจารณานำลงใน “ธรรมส่องโลก” แต่ควรส่งคำตอบมาโดยเร็ว

หากส่งมาล่าช้าจะนำลงตีพิมพ์ยาก เพราะเรื่องไม่ต่อเนื่องกัน ดังเรื่อง “ตอบปัญหาธรรมมีรางวัล” กรณี หมี เทวดา และมนุษย์ ซึ่งท่านผู้มีศรัทธาส่งแสดงความคิดเห็นกันมาน่าอ่าน แต่ล่าช้าไปหน่อย จึงไม่สามารถนำมาเสนอแนวคิดใน “ธรรมส่องโลก” ได้ อาตมาได้เก็บไว้อ่านเอง และได้แจ้งให้ผู้รับผิดชอบช่วยติดต่อส่งรางวัลหนังสือธรรมส่องโลกไปให้ เพื่ออนุโมทนาในความคิดดีๆ อันควรเผยแพร่

(อ่านต่อฉบับหน้า)