มุทิตาสักการธรรมแด่พระเถราจารย์นามพระเทพโมลี (ตอน ๓)
สมณศักดิ์นาม พระเทพโมลี (สุนทร สุนฺทราโภ ป.ธ.๔) และด้วยความเคารพต่อเจ้าประคุณสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (วิน ธมฺมสารเถร ป.ธ.๙)
โดย...พระอาจารย์อารยะวังโส
สมณศักดิ์นาม พระเทพโมลี (สุนทร สุนฺทราโภ ป.ธ.๔) และด้วยความเคารพต่อเจ้าประคุณสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (วิน ธมฺมสารเถร ป.ธ.๙) อดีตเจ้าอาวาสวัดราชผาติการาม ซึ่งเคยดำรงสมณศักดิ์ที่ พระธรรมปาโมกข์...
อาตมาจึงขอยกพระธรรมเทศนาในบางตอนที่เจ้าประคุณสมเด็จฯ ขณะดำรงสมณศักดิ์ที่ พระธรรมปาโมกข์ แสดงไว้ มาบูชา เพื่อเชิญชวนสาธุชนทำการสักการบูชาพระธรรมเทศนาที่ยังคงมีคุณค่าอย่างยิ่ง แม้จะยาวนานมาตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๐๒... ในหัวข้อ “จะริษยากันไปทำไม?..”
จากเรื่อง จะริษยากันไปทำไม? ท่านเจ้าพระคุณสมเด็จฯ ในสมณฐานะ พระธรรมปาโมกข์ ขณะนั้น ได้กล่าวเล่าเรื่องเท้าความในพุทธประวัติ...“สมัยที่พระสารีบุตร พระมหาโมคคัลลานะ คู่อัครสาวกของพระพุทธองค์นำบริวาร ๒๕๐ คนมาบวชในพระพุทธศาสนาด้วยความเลื่อมใสในคำสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้า จึงทรงประทานเอหิภิกขุอุปสัมปทาแก่ท่านทั้งสองและบริวาร
คราวนั้นชาวบ้านชาวเมืองมคธรัฐที่มีความรู้ความสามารถมีปัญญาหลักแหลม ได้ชวนกันมาประพฤติพรหมจรรย์เป็นภิกษุบ้าง เป็นอุบาสกอุบาสิกาบ้าง ในสำนักของพระผู้มีพระภาคเจ้า คนที่ยังไม่เลื่อมใสจึงเกิดโพนทะนาขึ้นว่า...พระสมณโคดม ทำผู้หญิงให้เป็นม่าย ทำผู้ชายให้ไร้บุตร เป็นผู้ตัดรอนให้สกุลเสื่อมเสีย...จับคนบวชเสียหมด...
บัดนี้ได้บวชให้พวกสัญชัยอีก ๒๕๐ (ได้แก่ พระสารีบุตร พระมหาโมคคัลลานะและบริวาร) ต่อไปจะให้ใครบวชอีกก็ยังไม่รู้ กลุ่มคนเหล่านั้นเที่ยวโพนทะนาว่ากล่าวโดยเฉพาะเมื่อเห็นภิกษุออกบิณฑบาตหรือเห็นตามระหว่างทางก็ตาม โดยกล่าวคาถาตามภาษาบาลีเป็นเชิงเย้ยหยันว่า....
อ่านต่อฉบับวันจันทร์