ร่วมอนุโมทนาธรรมปลายพรรษากับสาธุชน(ตอน ๖)

โดย...พระอาจารย์อารยะวังโส

เริ่มต้นด้วยคุณฐาปนา รักติประกร ข้าราชการในองค์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เป็นผู้อาราธนาพระปริตร และสวดชุมนุมเทวดาอัญเชิญให้มาฟังธรรม จากนั้นพระอาจารย์ก็นำสวด ท่านใช้การสวดบทย่อแต่ครบตามประเพณีการสวดสิบสองตำนาน ขณะที่ท่านนำสวด เราก็สวดตามไปด้วย ท่านเริ่มด้วยความเนิบช้าแต่มั่นคง แล้วสืบไปด้วยจังหวะที่เพิ่มความฮึกห้าวเหิมหาญ เราสวดตามไปอย่างมั่นใจ

เสียงซีดีที่ศิษย์ศรัทธาสวดตามพระอาจารย์นั้น มันประกอบด้วยความมั่นอกมั่นใจ ประหนึ่งกำลังประกาศว่า พวกเราบัดนี้มีพระอาจารย์นำทางเพื่อพาปฏิบัติตามคำสอนขององค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยการปฏิบัติที่เป็นจริงแล้ว เปรียบประดุจผู้คนทั้งหมดกำลังอยู่ในกระบวนพระธรรมยาตราอันเข้มแข็งเกรียงไกร

เสียงที่สวดไปด้วยกันร่วมกับเสียงของตัวเราเอง ช่างก้องกังวานและนำพาดวงจิตของเราให้เด็ดเดี่ยวมั่นคงอย่างยิ่ง

แล้วท่านก็จบการสวดช่วงแรกด้วยการนำเราให้เข้าสมาธิ

ทันทีที่หยุดสวดและเข้าสมาธิตามที่ท่านนำพา ผมเองในขณะนั้นรู้สึกขึ้นมาทันใดถึงภาวะจิตที่สงบนิ่ง ประดุจจิตของเราได้ยกระดับขึ้นสู่ความสงบอย่างทันทีทันควัน

ถ้าจะเปรียบให้เข้าใจง่ายๆ ก็เหมือนกับเราเข้าไปในลิฟต์ แล้วลิฟต์ยกตัวขึ้น เปิดออกอีกทีก็พบว่า จิตของเราไปปรากฏอยู่ขั้นเหนือขึ้นไปของภาวะจิตก่อนที่จะหลับตาลง

ช่างเป็นความสงบนิ่งได้อย่างรวดเร็ว เร็วเสียยิ่งกว่าตอนที่ผมปฏิบัติฐานจิตห้าฐานตามแผ่นซีดีแผ่นแรกเสียอีก

จากนั้นเวลาการนั่งสมาธิผ่านไปหนึ่งชั่วโมงเต็มๆ ครั้นจิตของเราดื่มกินความสงบ เสพรับจนเต็มที่แล้ว ก็ออกจากสมาธิด้วยจิตใจที่ปลอดโปร่ง สบายอย่างยิ่ง

และเหนือสิ่งอื่นใด ไม่มีความปวดเมื่อยแข้งขาหลังไหล่เหมือนเมื่อก่อนๆ เลย

นั่นแปลว่า ในหนึ่งชั่วโมงกว่า จิตของเราน่าจะเข้าไปในสมาธิชั้นสูง ที่ความเวทนาอย่างปกติเข้าไปกล้ำกรายเราไม่ได้เลย

ประสบการณ์นี้ตรงกับคำที่ครูบาอาจารย์เคยสั่งสอนว่า ให้สวดมนต์ก่อนทำสมาธิจะทำให้จิตเข้าสู่สมาธิได้ดี

ยิ่งครั้งนี้ ผมได้สวดพระปริตรในลักษณะรวมพลังกัน สวดภายใต้การนำสวดของพระอาจารย์ ย่อมมีพลังของพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ และพระสังฆคุณอยู่พร้อม” นี่ คือ บทความที่บรรยายโดย นพ.บรรจบฯ ที่ควรแก่การอนุโมทนาต่อความศรัทธาที่มีหลักมีเกณฑ์ ไม่สุดโต่งไปด้านใดด้านหนึ่ง..

จากการไปบรรยายธรรมนำปฏิบัติในครั้งนี้ ณ วัดป่าอารยวังสะ อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา คุณหมอบรรจบฯ จึงได้ติดตามมาปฏิบัติเพิ่มเติม พร้อมทั้งนำเครื่องบูชามาถวายความเคารพ ตามรูปแบบการบูชาครูบาอาจารย์เพื่อรับกรรมฐานปฏิบัติ ซึ่งเป็นไปอย่างต่อเนื่องทั้ง ๒ วัน (เฉพาะในตอนเย็น ประมาณ ๖ โมงเย็น–๓ ทุ่ม) มีสาธุชนมาปฏิบัติกันมาก น่าอนุโมทนาอย่างยิ่ง และเมื่อต่อเนื่องเข้าสู่วันที่ ๒๓ ต.ค. ๒๕๕๕ ซึ่งตรงกับวันปิยมหาราช จึงได้ไปร่วมงานสวดพระปริตรอธิษฐานจิตเพื่อแผ่นดินไทย ครั้งที่ ๔๐ ณ วัดระฆังโฆสิตาราม ของสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี เพื่อน้อมเกล้าฯ ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระเจ้าแผ่นดิน และสมเด็จพระราชินีของชาวไทย ซึ่งมีปรากฏการณ์ไม่แตกต่างไปจากการจัดงานที่ วัดพระแก้ว (วัดพระศรีรัตนศาสดาราม พระบรมมหาราชวัง กรุงเทพฯ) เมื่อประชาชนชาวไทยเดินทางมาร่วม พิธีสวดพระปริตร บูชาธรรมอบรมจิตตภาวนา กันอย่างมากมายหลายพันคน

อ่านต่อฉบับพรุ่งนี้