posttoday

โกหกสีขาว...โกงกินไม่น่ารังเกียจ ชาวพุทธควรพิจารณาอย่างไร (จบ)

08 ตุลาคม 2555

ดูกรอานนท์ บุคคลจำพวกใดที่ให้ผีในป่าช้าหัวเราะเยาะเย้ยเล่นเช่นนี้ บุคคลจำพวกนั้นถ้ามีขึ้น ก็เป็นเหตุให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บอันตรายต่างๆ

โดย...พระอาจารย์อารยะวังโส

ดูกรอานนท์ บุคคลจำพวกใดที่ให้ผีในป่าช้าหัวเราะเยาะเย้ยเล่นเช่นนี้ บุคคลจำพวกนั้นถ้ามีขึ้น ก็เป็นเหตุให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บอันตรายต่างๆ หาความสุขความเจริญไม่ได้ ดูกรอานนท์ คฤหัสถ์ก็ดี นักบวชก็ดี มากล่าวว่า ตัวรู้ ตัวเห็น และได้พูดจากับด้วยผี ดังนี้ ก็พึงให้รู้ว่าคนจำพวกนั้นไม่ใช่ลูกศิษย์ของเราตถาคต เป็นพวกมิจฉาทิฏฐิภายนอกพระศาสนา ไม่ควรเชื่อถือเอาเป็นครูเป็นอาจารย์ เพราะเขาเป็นคนเจ้าอุบาย เจ้าเล่ห์ เจ้ากลเท่านั้น ที่มีความรู้จริงเห็นจริงพูดจาสนทนากับผีได้ มีแต่พระพุทธเจ้ากับพระอรหันต์เท่านั้น นอกนั้นไม่มีใครรู้จริง เป็นคนอุตริทั้งนั้น

ดูกรอานนท์ เราจะทำนายให้ได้เห็น ในอนาคตกาลข้างหน้า จะเกิดพวกมิจฉาทิฏฐิภายนอกพระศาสนา อวดอ้างว่า ตัวรู้ ตัวเห็นผี ได้พูดจากับด้วยผี ครั้นบุคคลจำพวกนั้นเกิดขึ้นแล้ว ก็จะเบียดเบียนพระศาสนาของเราให้เสื่อมถอยลงไป ด้วยวาทะถ้อยคำเสียดสีต่างๆ พระสงฆ์สามเณรก็จะเกิดระส่ำระสาย หาความสบายมิได้ เขาจะสอนทิฏฐิวัตรอย่างเคร่งครัด ถืออรัญญิกธุดงค์อย่างพระเทวทัต ภายหลังก็จะเกิดพระบ้านพระป่ากันขึ้น แล้วก็จะแตกกันออกเป็นพวกๆ ไม่สามัคคีกัน ต่างพวกก็ถือแต่ตัวดี ศาสนาของเราก็จะเสื่อมถอยลงไป เพราะพวกมิจฉาทิฏฐิเห็นแก่ลาภยศ หาความสุขมิได้ มรรคผลธรรมวิเศษก็จะไม่เกิดขึ้นแก่เขา เขาจะเรียนเอาแต่วิชาศีลธรรม อันพวกมิจฉาทิฏฐิสอนให้รู้อะไรกันขึ้นเล็กน้อย ก็อวดดีกันไป แท้ที่จริงความรู้เหล่านั้น ล้วนแต่รู้ดีสำหรับไปสู่นรก เขาจะไม่พ้นจตุรบายได้เลย ดูกรอานนท์ ในอนาคตกาลภายหน้าจะมีอย่างนี้ไม่ต้องสงสัย ถ้าผู้ใดรู้ลัทธิทิฏฐิอย่างนี้ไว้แล้ว เมื่อได้เห็นก็จงเพียรพยายามละเว้น ก็จะได้ประสบความสุข การที่จะระงับกิเลส ก็ให้ระงับบริโภค ๒ ประการให้เบาบางลง บริโภค ๒ นั้น คือ จีวรปัจจัยและเสนาสนะปัจจัย สองอย่างนี้ชื่อว่าบริโภคภายนอก นับเป็นอย่างหนึ่ง บิณฑบาตปัจจัยและคิลานะปัจจัย สองอย่างนี้ชื่อว่า บริโภคภายใน นับเป็นอย่างหนึ่ง บริโภคทั้ง ๒ นี้เป็นตัวกิเลส ตัวทุกข์ ตัวสุขทั้งนั้น ถ้าบริโภค ๒ นี้มากขึ้นเท่าใด ทุกข์ก็มากขึ้นไปตามเท่านั้น ถ้าบริโภค ๒ อย่างนี้น้อยลง ทุกข์ก็น้อยลง ความสุขก็มากขึ้น คือว่าบาปน้อยลงเท่าใด บุญกุศลก็มากขึ้นเท่านั้น อันบุญกุศลก็มีอยู่ที่ตัวบุคคลทั้งสิ้น ผู้ที่ละบริโภค ๒ นั้นได้แล้ว นรกก็พ้น สวรรค์ และพระนิพพานสิ่งใดๆ ก็ได้ในที่นั้น

ดูกรอานนท์ บุคคลที่บวชเข้ามาแล้ว ไม่รู้จักระงับดับกิเลสคือ บริโภค ๒ ให้เบาบาง เข้าใจว่าบวชรักษาศีล ถือครองวัตรเอาบุญ ไม่หาอุบายระงับกิเลส และบริโภค ๒ จะได้บุญ ได้ความสุข มาแต่ที่ไหน ถ้าคิดอย่างนั้นแม้จะรักษาศีล ตลอดปาฏิโมกข์และธุดงควัตร ก็เป็นอันรักษาเปล่า รักษาให้เหนื่อยยากลำบากกายเปล่า ไม่อาจเป็นบุญเป็นกุศลได้ พระปาฏิโมกข์และธุดงควัตรทั้งหลายที่ทรงบัญญัติแต่งตั้งไว้นั้น ก็เพื่อให้เป็นเครื่องระงับดับกิเลสตัณหา คือ บริโภคทั้ง ๒ ถ้าระงับไม่ได้ ก็ไม่เป็นบุญเป็นกุศล ผู้ที่ทำความเข้าใจว่าพระปาฏิโมกข์์และธุดงควัตรจะช่วยยกตัวให้ขึ้นไปสู่สวรรค์และพระนิพพานเช่นนี้ เป็นความเห็นของคนที่โง่เขลาเบาปัญญา จะไม่พ้นทุกข์เลย บริโภคทั้ง ๒ นั้นได้ชื่อว่า ปลิโพธ ๒ ที่แปลว่า ความกังวล การรักษาพระปาฏิโมกข์และธุดงควัตร ก็เพื่อจะตัดปลิโพธความกังวลให้เบาบางลง ถ้าเบาบางลงได้เท่าใด ก็เป็นบุญเป็นกุศลเป็นสวรรค์ และพระนิพพานขึ้นไปเท่านั้น พระพุทธเจ้าย่นโอวาทคำสั่งสอนลงสู่ปลิโพธ ๒ ว่า เป็นที่สุดโดยสิ้นเชิง คือว่า นรก สวรรค์และพระนิพพานมีอยู่ที่ปลิโพธ ๒ ครบบริบูรณ์ ผู้ศึกษาเล่าเรียนจะรู้มากรู้น้อยเท่าไร ไม่นิยมรู้มากหรือรู้น้อย ถ้าระงับปลิโพธนั้นได้ก็เป็นดี จะอยู่วัดบ้านหรือวัดป่าประการใดก็ตาม ถ้าระงับปลิโพธ ๒ นั้นได้ ย่อมเป็นความดีทั้งสิ้น พระพุทธเจ้าตรัสเทศนาเป็นใจความอย่างนี้”

เมื่อสาธุชนได้ศึกษาบทธรรมะบางตอนจากหนังสือคิริมานนทสูตรจบลง คงจะได้รับประโยชน์และความรู้ที่ควร และคงกลับไปวิสัชนาได้อย่างไม่สูญเสียความรู้สึกดีๆ ศรัทธาอันบริสุทธิ์ที่มีอยู่ในจิตใจ

ขอเจริญพร