posttoday

โกหกสีขาว...โกงกินไม่น่ารังเกียจ ชาวพุทธควรพิจารณาอย่างไร!? (ตอน ๑๕)

02 ตุลาคม 2555

มาพิจารณาดูคำถามสุดท้าย (๓) จากหัวเรื่อง โกหกสีขาว...โกงกินไม่น่ารังเกียจ ชาวพุทธควรพิจารณาอย่างไร!?

โดย...พระอาจารย์อารยะวังโส

มาพิจารณาดูคำถามสุดท้าย (๓) จากหัวเรื่อง โกหกสีขาว...โกงกินไม่น่ารังเกียจ ชาวพุทธควรพิจารณาอย่างไร!? เรื่องนี้กล่าวถึงกันมากในหมู่ชาวพุทธผู้มีศรัทธาในพระพุทธศาสนา ด้วยหลากหลายทัศนะ มีทั้งติติง ว่ากล่าว สวดส่ง... จากสาธารณชนที่มีศรัทธาในพระพุทธศาสนา ซึ่งแสดงให้เห็นคลื่นกระแสต้านในสังคมต่อสำนักปฏิบัติธรรม หรือภิกษุบางรูปของสำนักนี้!! จนน่านำกลับมาพิจารณาว่า ทำไมจึงมีกระแสต่อต้านมากมาย... เกือบจะในทุกเรื่องเมื่อปรากฏข่าวสารสู่สาธารณะ ซึ่งน่าสนใจมากกว่าเรื่องสตีฟ จ็อบส์ ที่มรณะไปแล้ว คงเหลือแต่ผลงานทางโลกที่ให้หมู่ชนผู้สนใจได้ศึกษากันต่อไป ในความมีอัจฉริยภาพที่น่าทึ่งสำหรับความเป็นมนุษย์คนหนึ่ง เรียกว่า ตายไปแต่รูปกายที่แตกดับ แต่ผลงานความดียังมีให้อนุชนรุ่นหลังได้ศึกษา แม้จะเป็นไปในทางโลก สำหรับส่วนที่กล่าวว่า ตายแล้วจะไปเกิดที่ไหน จะเกิดอีกหรือไม่...หรือไม่เกิดอีกแล้ว คงไม่ใช่สาระสำคัญที่ควรนำมาคิดพิจารณา หากเข้าใจหลักความจริงของ “ปัจจุบัน ณ ธรรม” ที่พระพุทธศาสนาให้ความสำคัญบนความจริงที่สอดคล้องกับสัจธรรมว่า ทำดีได้ดี... ทำชั่วได้ชั่ว... กระทำอย่างไรย่อมรับผลตามการกระทำนั้นๆ ซึ่งสามารถพยากรณ์ได้ด้วยหลักความเป็นธรรมดา อันเป็นลักษณะของกฎความจริงที่มีปรากฏอยู่ในธรรมชาติที่เรียกว่า ธรรมนิยาม ซึ่งครอบคลุมในตัวกฎแห่งกรรมด้วย

จริงๆ แล้วอาตมาไม่ปรารถนาให้สาธุชนตั้งข้ออคติกับทุกๆ สำนักปฏิบัติธรรม หรือกับพระภิกษุผู้ประพฤติธรรม ทุกรูป ทุกคน เพราะหากตั้งอคติ...กันตั้งแต่ยังไม่ตื่น ก็ยากที่จะมองให้เห็นความจริง เข้าใจให้ถึงความจริง ในสิ่งที่ปรากฏมีอยู่จริงนั้น

“อคติธรรม” เป็นอกุศลธรรมที่เกิดขึ้นในจิตใจของใครแล้วย่อมเฉไฉยาวไกลออกไปจากวิถีธรรม ไม่สามารถเข้าถึงคติธรรมที่ถูกควรมีประโยชน์สุดได้ ไม่ว่าจะเป็นอคติที่เกิดจากความรัก ความโกรธ ความกลัว หรือความหลง ที่สำคัญอคติทั้ง ๔ จะทำลายพรหมวิหาร ๔ ให้ย่อยยับไปจากจิตใจ จนกลายเป็นจิตบาปอกุศล อย่างไม่แตกต่างไปจากมาร...พาล...อัปรีย์ชนทั้งหลาย เรียกว่า กระโดดกอดคอมาร จนตกลงที่ต่ำตามกันไป พระพุทธศาสนาจึงมีคำสั่งสอนที่สำคัญ เพื่อยับยั้งจิตใจของปุถุชนไม่ให้ตกต่ำลงสู่ห้วงอบายภูมิ ดังคำสอนที่ว่า

เขาด่าเรา แต่เราอย่าด่าเขา!

เขาว่ากล่าวเรา แต่เราอย่าว่ากล่าวเขา!

แม้เขาตีเรา แต่เราอย่าตีเขา!

ถึงที่สุดแม้เขาฆ่าเรา แต่เราอย่าฆ่าเขา!

โดยสำทับจิตใจให้มีความเห็นถูกต้องชอบธรรมว่า... เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร... การให้อภัยทาน เหนือการให้ทั้งปวง... และกล่าวประชุมธรรมทั้งปวง รวมลงในความไม่ประมาท ดังที่ตรัสเตือนพุทธบริษัท โดยเฉพาะภิกษุว่า... คนเหล่าใด ทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ ทั้งพาล ทั้งบัณฑิต ทั้งมั่งมี ทั้งขัดสน ล้วนมีความตายเป็นเบื้องหน้า

ภาชนะดินที่ช่างหม้อกระทำแล้ว ทั้งเล็กทั้งใหญ่ ทั้งสุกทั้งดิบทุกชนิด มีความแตกทำลายเป็นที่สุดฉันใด ชีวิตของสัตว์ทั้งหลายก็ฉันนั้น

...พวกเธอจงไม่ประมาท มีสติ มีศีลด้วยดี จงมีความดำริตั้งมั่น ตามรักษาจิตของตนเถิด ผู้ใดเป็นผู้ไม่ประมาทในธรรมวินัยนี้ ผู้นั้นจักละชาติสงสาร จักทำที่สุดแห่งทุกข์ได้

ขอสาธุชนพิจารณาพระพุทธวจนะบทนี้ให้มากๆ โดยเฉพาะในสังคมถ้วยตะไลแบบปัจจุบันที่มากเรื่องราว จนสภาพจิตสำนึกต่ำกว่าเกณฑ์แห่งสัตว์ประเสริฐกันมากๆ ดังที่ปรากฏความขัดแย้งโต้เถียง ด่าว่า เสียดสีกันรายวันรายชั่วโมง และนำไปสู่การทุบตี ทะเลาะวิวาทกันไม่จบไม่สิ้น สืบเนื่องให้สังคมขาดความสงบสุข จนถึง ณ เวลานี้ ทั้งนี้เพราะชนในสังคมละทิ้งธรรม ขาดการสดับตรับฟัง ขาดความรู้จักคิดพิจารณา ในหัวข้อธรรมที่เป็นสัจธรรม อันพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสแสดงไว้ดีแล้ว จึงเป็นที่น่าเสียดายจริงๆ กับโอกาส วาสนา บุญบารมี ที่อุตส่าห์สั่งสมสืบเนื่องมา จนได้มาเกิดเป็นมนุษย์พบพระพุทธศาสนา ได้มีการอ่านเขียนเรียนรู้ในภาษาศาสตร์ศิลป์ต่างๆ ได้ดี น่าเสียดายจริงๆ กับการทำลายคุณสมบัติ ความพรั่งพร้อมที่มีครบเกือบทุกด้านของคนในสังคมปัจจุบัน

อ่านต่อฉบับหน้า