posttoday

ปัญหาที่ไม่ใช่ปัญหาหากรู้จักคิดด้วยจิตที่เคารพธรรม กรณีสวดมนต์วัดพระแก้ว (ตอน ๒)

31 สิงหาคม 2555

การไม่จัดงานสวดพระปริตร อธิษฐานจิต เพื่อแผ่นดินไทย น้อมถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษาแด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ

โดย...พระอาจารย์อารยะวังโส

“การไม่จัดงานสวดพระปริตร อธิษฐานจิต เพื่อแผ่นดินไทย น้อมถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษาแด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ นั้น คงเป็นความไม่ควรอย่างยิ่ง...”

ตลอดจนบุคคลที่มีศรัทธามาร่วมงานกันพอสมควร เมื่อสวดพระปริตรจบ ก็มีการฟังธรรมเจริญภาวนากันต่อไป โดยคณะศรัทธาสาธุชนได้พร้อมใจกันน้อมถวายเป็นพระราชกุศล ตามคำกล่าวถวายพระพรที่ คุณฐาปนา รักติประกร ได้กล่าวนำสาธุชนกระทำสัตยาธิษฐาน ดุจดังการจัดงานที่วัดพระแก้วในทุกครั้งจริงๆ แล้ว ทราบว่าคณะกรรมการจัดงานสวดพระปริตร อธิษฐานจิต เพื่อแผ่นดินไทย ได้เตรียมการจัดงาน โดยกำหนดวันเวลากับทางหน่วยงานผู้รับผิดชอบการขออนุญาตใช้สถานที่ ในวันที่ ๑๙ ส.ค. ๒๕๕๕ แต่ไม่ทราบว่าด้วยเหตุผลกลใด จึงได้มีการเปลี่ยนแปลงโดยอ้างว่าเพื่อขอตรวจบางอย่างในการดำเนินงาน จนมีการขอรายนามพระภิกษุทุกรูปที่เข้าร่วมงาน เพื่อตรวจสอบด้วย ทั้งๆ ที่มีการจัดงานกันมาร่วม ๖ ปี ครบ ๓๘ ครั้ง โดยครั้งสุดท้าย (ที่ ๓๘) มีการจัดงานเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ที่ทรงเจริญพระชนมายุครบ ๖๐ พรรษา เมื่อวันที่ ๒๒ ก.ค. ๒๕๕๕ ณ วัดพระแก้ว ซึ่งมีองค์กรมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เป็นเจ้าภาพหลัก สนับสนุนการจัดงานโดยกรุงเทพมหานคร และอีกหลายองค์กรที่สำคัญ

ทั้งนี้ ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐบาล โดยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล) ซึ่งกำกับดูแลงานสำนักพุทธศาสนาแห่งชาติ และกรมประชาสัมพันธ์ ฯลฯ ซึ่งได้อนุมัติให้มีการถ่ายทอดสดไปทั่วประเทศ ในงานสวดพระปริตร อธิษฐานจิต เพื่อแผ่นดินไทย ครั้งที่ ๓๘ นั้น ได้รับพระเมตตาจาก พระสังฆมหานายะกะ แห่งพุทธศาสนาเถรวาท สยามอุบาลีวงศ์ ประเทศศรีลังกา มาเป็นองค์ประธานในพิธี เพื่อนำถวายพระพรแด่สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เนื่องในวโรกาสสำคัญดังกล่าว การจัดงานในครั้งนั้นได้ผ่านพ้นไปด้วยดี นำความปลื้มปีติสุขมาสู่สาธุชนผู้ร่วมงานถ้วนหน้า ที่ได้มีโอกาสจัดงานมหามงคล น้อมถวายพระราชกุศลแด่สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร และสืบเนื่องจากงานดังกล่าว ทราบว่าคณะสาธุชนได้ร่วมลงนามมากกว่า ๔,๐๐๐ รายชื่อ เพื่อขอให้มีการจัดงานถวายพระพรเนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษาของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ๑๒ ส.ค. ๒๕๕๕...

จริงๆ แล้ว คณะกรรมการจัดงานฯ คงจะมีเวลากระชั้นชิดเกินไปต่อการเตรียมจัดงานครั้งที่ ๓๙ ซึ่งอาจจะนำไปสู่ปัญหาอุปสรรคในการประสานงานเพื่อขออนุญาตใช้สถานที่จากหน่วยงานที่รับผิดชอบ แต่ทางพระสงฆ์ที่ปรึกษาการจัดงานมีความเห็นถึงคณะกรรมการผู้ประสานการจัดงานว่า “การไม่จัดงานสวดพระปริตร อธิษฐานจิต เพื่อแผ่นดินไทย น้อมถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษาแด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ นั้น คงเป็นความไม่ควรอย่างยิ่ง...” โดยเฉพาะประชาชนได้ลงนามเรียกร้องเพื่อขอให้มีการจัดงานดังกล่าว ดังมีหลักฐานชัดเจนที่แสดงเจตนารมณ์ที่จะถวายความจงรักภักดี ด้วยหลักฐาน ๔,๐๐๐ กว่ารายชื่อของประชาชนที่ปรากฏ ซึ่งมากกว่าครั้งไหนๆ

โดยต่อมาทราบว่าได้มีการประสานงานด้านเอกสารเพื่อจัดงานดังกล่าวขึ้นเป็นครั้งที่ ๓๙ และทราบอีกครั้งว่ามีการปรับเลื่อนวันเวลาออกไป โดยกล่าวอ้างการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบด้านการพิจารณาเอกสาร ก่อนนำรายงานไปตามขั้นตอน...ข้อเท็จจริงของการจัดงานสวดพระปริตร อธิษฐานจิต เพื่อแผ่นดินไทยนั้น ถือกำเนิดเกิดขึ้นในห้วงเวลาที่บ้านเมืองมีความทุกข์ เกิดภัยในแผ่นดิน ฯลฯ กลุ่มคณะบุคคลจึงได้คิดจัดงานเพื่อความสงบสุขของแผ่นดิน โดยการสนับสนุนของท่านแก้วขวัญ วัชโรทัย เลขาธิการสำนักพระราชวัง ที่เห็นควรสนับสนุนให้มีการจัดงานในรูปแบบการสวดมนต์ ปฏิบัติบูชาธรรมขึ้น เพื่อหวังสานสร้างจิตใจชาวไทยทุกหมู่เหล่าให้รวมกันเป็นหนึ่ง โดยการน้อมนำจิตใจสู่กระแสธรรม เพื่อพัฒนาจิตสำนึกให้มีคุณธรรม รู้จักหน้าที่ และการถือปฏิบัติอันถูกควรตามหลักพระธรรมคำสั่งสอนในพระพุทธศาสนา โดยเฉพาะการชักนำให้มหาชนชาวไทยร่วมกันแสดงความกตัญญูกตเวทิตาต่อสถาบันกษัตริย์ การมีศรัทธาในพระพุทธศาสนา และการรู้คุณแผ่นดิน... รูปแบบการจัดงานจึงดำเนินไปในเชิงการอบรมจิตตภาวนา มีการฟังธรรมบรรยายประกอบการเจริญพระปริตร เพื่อกระทำการอธิษฐานจิตให้เกิดความสุขสงบในหมู่ชนชาวไทย และเพื่อน้อมถวายความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ตลอดจนพระบรมวงศานุวงศ์ ดังเช่นข้อความบรรยายในแต่ละครั้งที่มีการถอดเทปจัดทำหนังสือน้อมถวายฯ

ด้วยรูปแบบการจัดงานประกอบศาสนกิจที่เติบโตมาจากภาคประชาชน ที่เคยมาร่วมกันไหว้พระสวดมนต์ ฟังธรรม ณ วัดพระแก้วในทุกวันพระ จึงย่อมมีความแตกต่างไปจากรูปแบบการจัดงานทางด้านราชพิธี หรือทางด้านศาสนพิธีเต็มรูปแบบของเถรสมาคม... ซึ่งคณะกรรมการจัดงานฯ ได้สืบแนวปฏิบัติเชิงภาคประชาชนที่เคยจัดงานสวดมนต์ ไหว้พระ เจริญภาวนา ตามปกติ ซึ่งมารวมตัวกันประกอบศาสนกิจในทุกวันพระด้วยความศรัทธาเลื่อมใสในองค์พระแก้วมรกต อันเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมือง แต่หากจะใช้เครื่องเสียงหรือมีการบันทึกภาพใดๆ ภายในพระอุโบสถ จะต้องขออนุญาตจากสำนักพระราชวังเป็นเฉพาะรายไป ซึ่งก็ไม่เป็นปัญหาใดๆ

อ่านต่อฉบับวันจันทร์