สถาบันโพธิคยาวิชชาลัย ตั้งหัวข้อ พุทธพลิกโลก ให้พระธรรมทูตศึกษา

โดย...สมาน สุดโต

สถาบันโพธิคยาวิชชาลัย 980 ตั้งหัวข้อ พุทธพลิกโลก ให้พระธรรมทูตตามโครงการส่งเสริมพระสงฆ์ไทยไปศึกษาและปฏิบัติธรรมเชิงลึกเป็นเวลา 3 เดือน ในแดนพุทธภูมิศึกษา และนำมาเผยแพร่ในประเทศต่อไป

โครงการส่งเสริมพระสงฆ์ไทยไปศึกษาและปฏิบัติธรรมเชิงลึก ดำเนินการโดยสถาบันโพธิคยาวิชชาลัย 980 ที่มีพระราชรัตนรังษี (วีรยุทธ์) เจ้าอาวาสวัดไทยพุทธคยา วัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ หัวหน้าพระธรรมทูตไทยสายอินเดียเนปาล เป็นผู้อำนวยการ สุภชัยวีระภุชงค์ เป็นเลขาธิการ

สถาบันนี้ก่อตั้งเมื่อ พ.ศ. 2550 ณ วัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ กุสินารา อินเดีย หลังจากคณะชาวพุทธจำนวน 86 คน เช่น ชัช ชลวร และ สุภชัย วีระภุชงค์ เป็นต้น อุปสมบท ณ แดนพุทธภูมิเพื่อถวายพระราชกุศลในโอกาสมหามงคลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา เมื่อลาสิกขา ยังเห็นความสำคัญการเผยแผ่พระพุทธศาสนา จึงก่อตั้งสถาบัน หาทุน จัดโครงการส่งพระสงฆ์ไทยไปฝึกอบรมยังสถานที่จริงเกี่ยวข้องกับพุทธประวัติและสังเวชนียสถาน เป็นเวลา 3 เดือน เรียกว่าพระธรรมทูตศึกษาและปฏิบัติธรรมเชิงลึก

พระกัมพูชาร่วมโครงการ 3 รูป

สถาบันได้ส่งพระสงฆ์อบรมที่อินเดียติดต่อกันมาแล้ว 3 รุ่น รุ่นละไม่น้อยกว่า 30 รูป สำหรับรุ่นที่ 4 นี้มีจำนวน 32 รูป แต่เป็นรุ่นที่พิเศษ เพราะได้นิมนต์พระจากประเทศกัมพูชา 3 รูป เข้าร่วมศึกษาและปฏิบัติด้วย ถือว่าเป็นการเริ่มต้นในการนำพระพุทธศาสนามาเป็นสายใยเชื่อมประเทศในดินแดนสุวรรณภูมิคือ ไทย พม่า กัมพูชา ลาว และเวียดนาม ให้เป็นปึกแผ่นและใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้น

ส่วนการกำหนดหัวข้อว่า พุทธพลิกโลก นั้น พระราชรัตนรังษี ผู้อำนวยการสถาบัน กล่าวว่า เป็นหัวข้อที่มีความสำคัญสอดคล้องกับการอุบัติแห่งพระพุทธเจ้าที่ทรงพลิกโลก คือทรงหงายของที่คว่ำ หรือทำของที่คว่ำให้หงาย พลิกโลก (คน) ที่เป็นมิจฉาทิฐิ ให้เป็นสัมมาทิฐิ

พระธรรมทูตที่ศึกษาตามหัวข้อนี้ ต้องไปพลิกพระไตรปิฎก พลิกพุทธธรรมคำสอน พลิกก้อนอิฐ ก้อนดิน หาของดีๆ ในแดนพุทธภูมิมาฝากญาติโยม การพลิกเช่นนี้เท่ากับการหาแก่นธรรมในแดนพุทธภูมิมาพลิกโลกนั่นเอง

พร้อมกันนั้น พระราชรัตนรังษี ซึ่งมีชื่อเสียงด้านบรรยายธรรมในแดนพุทธภูมิ อธิบายว่าคำว่าโลกที่พูดถึงหมายถึงคนหรือประชาชน คณะพระธรรมทูตจึงต้องศึกษาหาวิธีพลิกโลกที่เป็นมิจฉาทิฐิให้เป็นสัมมาทิฐิ

นอกจากนั้น โลกยังหมายถึงธรรมชาติที่ปัจจุบันโลกหรือธรรมชาติมาพลิกคน เช่นแผ่นดินพลิก (แผ่นดินไหว) แต่เราจะศึกษาว่าจะพลิกธรรมชาติได้อย่างไร จึงจะเรียกว่าพลิกโลก เพราะที่มนุษย์เป็นอยู่ในปัจจุบันมิใช่อยู่คนเดียว แต่มีปฏิสัมพันธ์กับโลกอื่นๆ เช่น เทวโลก นรกโลก และโลกดิรัจฉาน ที่เราทุกคนมีสิทธิตกและไปเกิดทั้งนั้น

สุภชัยถวายรายงาน

ในโอกาสที่พระธรรมทูตเข้าถวายสักการะและขอโอวาทจากสมเด็จพระพุทธชินวงศ์ เจ้าคณะใหญ่หนกลาง ณ พระอุโบสถวัดพิชยญาติการาม นั้น สุภชัย ได้ถวายรายงานว่า พระธรรมทูตที่เข้าอบรมเชิงลึกที่ประเทศอินเดียเป็นการสืบสานพระพุทธศาสนา ดังที่มีพุทธปณิธานตรัสกับพระอานนท์ที่กุสินารา เรื่องความมั่นคงของพระพุทธศาสนา ว่า พระองค์จะไม่ปรินิพพาน ถ้าปณิธานไม่ได้รับการเติมเต็ม คือ 1.พุทธบริษัททั้ง 4 ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ได้มีความรู้ ความเข้าใจพุทธศาสนา 2.สามารถประพฤติปฏิบัติตามแนวทางพุทธศาสนาได้3.สามารถเผยแพร่พระธรรมคำสอนได้ และ4.สามารถแก้ข้อติฉินนินทาว่าร้ายของคนต่างศาสนา หรือชาวพุทธที่มีความคิดวิปริตได้ อันนี้คือที่มาของการสร้างกองทัพธรรม

สุภชัย กราบเรียนถวายต่อว่า ในฐานะที่พวกกระผมได้บวชเรียนอยู่ภายใต้เจ้าพระคุณสมเด็จ (พระพุทธชินวงศ์) และหลวงพ่อพระราชรัตนรังษี ที่เป็นพระอาจารย์ ต้องการเห็นความมั่นคงของพระพุทธศาสนา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฐานะที่ประเทศไทยได้รับการยอมรับว่าเป็นศูนย์กลางพระพุทธศาสนาโลก และองค์การสหประชาชาติประกาศให้วันวิสาขบูชาเป็นวันสำคัญของโลกที่ต้องเฉลิมฉลอง ฉะนั้นจึงตั้งสโลแกนที่ใช้ในการอบรมครั้งนี้ว่า พุทธพลิกโลก

ด้วยความร่วมมือพุทธบริษัททั้ง 4 ตามแนวทางพุทธปณิธานนั้น พุทธพลิกโลก ย่อมเกิดขึ้นได้ไม่เกินเอื้อม แม้จะไม่สามารถพลิกได้ในชาตินี้ ก็ต้องมีในชาติต่อๆ ไป

ณ วันนี้ ความตั้งใจของสถาบันโพธิคยาวิชชาลัย ต้องการพลิกกลุ่มประเทศในอินโดจีนที่นับถือสายเถรวาท รวมทั้งประเทศเวียดนามที่นับถือมหายาน ให้กลับมาเป็นแผ่นดินทองที่เรียกว่าสุวรรณภูมิ เหมือนดังครั้งที่พระเจ้าอโศกมหาราชได้ส่งพระโสณะกับพระอุตระมาเผยแพร่ในภูมิภาคนี้เมื่อ 2,300 ปีที่แล้ว

จึงขอโอวาทจากเจ้าพระคุณสมเด็จเพื่อเป็นแนวทางในการเรียนการปฏิบัติ แล้วนำมาเผยแพร่อบรมพุทธบริษัทให้เป็นอริยบุคคล สมกับที่เกิดมาเป็นชาวพุทธ เพื่อยกระดับตนเองให้สูงขึ้น เหมือนดังยกระดับจากที่นั่งชั้นอีโคโนมี ไปนั่งชั้นบิสิเนส ฉะนั้น

โอวาทสมเด็จพระพุทธชินวงศ์

สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ (ศาสตราจารย์พิเศษ สมศักดิ์ อุปสโม ป.ธ.9 Ph.D) เจ้าคณะใหญ่หนกลาง กรรมการมหาเถรสมาคม ประธานคณะผู้เผยแผ่พระพุทธศาสนาแห่งชาติ ให้โอวาทว่า

การไปศึกษาพุทธศาสนา ณ สังเวชนียสถานทั้ง 4 ตำบล มีความสำคัญสำหรับชาวพุทธ เพราะสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ประทานโอวาทแก่พระอานนท์ พุทธอนุชาว่า สังเวชนียสถาน เป็นที่ตั้งสังเวคธรรม เมื่อพุทธบริษัทได้มาบูชาจะเกิดปีติโสมนัส ว่า พระพุทธเจ้ามีจริง ธรรมะที่ตรัสรู้มีจริง สาวกสงฆ์ผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบมีจริง

ปีติที่เป็นสังเวคธรรม สามารถเป็นบาทช่วยให้ผู้มาสู่สังเวชนียสถานขึ้นสู่ภูมิวิปัสสนา สามารถรู้แจ้งพระธรรมของพระพุทธองค์

นอกจากนั้น ผู้ไปบูชา ณ สังเวชนียสถาน เท่ากับว่าได้เจริญพุทธานุสติ ถ้าไปแล้วไม่เกิดพุทธานุสติ ได้เห็นแต่ซากอิฐที่ปรักหักพังก็เกิดสังเวชเหมือนกัน แต่มิใช่เป็นบาทขึ้นสู่ภูมิรู้แจ้งธรรม ดังนั้นเมื่อไปศึกษาอย่างใกล้ชิดทั้ง 4 ตำบล ขอให้น้อมรำลึกพุทธคุณว่า พระองค์เป็นนักเสียสละที่ไม่มีบุคคลใดบุคคลหนึ่งในโลก ทั้งอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ที่จะเสียสละได้เท่าพระองค์ เช่น การสละความสุข ก่อนออกบำเพ็ญพุทธธรรม จนได้สำเร็จเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

พระพุทธองค์เมื่อรู้แจ้งอริยสัจธรรมแล้ว ก็สอนให้คนอื่นรู้แจ้งด้วย ตามที่ตั้งปณิธานว่า ถ้าเรารู้แล้ว ก็จะให้บุคคลอื่นรู้ด้วย เมื่อข้ามได้แล้วก็จะให้บุคคลอื่นข้ามได้ด้วย และเมื่อเราพ้นแล้ว ก็จะให้บุคคลอื่นพ้นได้ด้วย

เมื่อเป็นพุทธแล้ว พระองค์นำสิ่งที่ตรัสรู้มาเผยแผ่เพื่อให้เกิดสันติสุขแก่ชาวโลก ในฐานะที่พวกเราเป็นปุถุชนอาจนึกไม่ถึงว่าวันที่พระองค์ประสูติจากพระครรภ์ของมารดา ย่างพระบาทได้ 7 ก้าว เปล่งอาสภิวาจาว่า เราจะเป็นบุคคลผู้เลิศและประเสริฐในโลก เมื่อ 2,600 ปีมาแล้ว และบัดนี้พระวาจานั้นเป็นจริงดังที่คุณสุภชัย กล่าวว่า องค์การสหประชาชาติ หรือ UNยอมรับว่าพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาแห่งโลก

เมื่อท่านมีโอกาสไปศึกษายังสถานที่เกิดพระพุทธศาสนาเช่นที่ตรัสรู้อริยสัจ 4 คือ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค ต้องปฏิบัติจนสามารถรู้ได้จริง อย่าให้เหมือนพระดำรัสที่ตรัสไว้ว่า ทุกข์มีอยู่จริง แต่คนที่จะละทุกข์ไม่มี ความดับทุกข์มีจริง แต่คนที่จะทำให้แจ้งตามลำดับไม่มี ทางเดินสำหรับความสิ้นไปแห่งทุกข์มีจริง แต่คนเดินไม่มี

เมื่อไปถึงสถานที่จริง ต้องไปให้ได้พบของจริงที่พระองค์ตรัสรู้ด้วยพระองค์เองจริง จะทำให้การศึกษาเชิงลึกในแดนพุทธภูมิครั้งนี้จะสำเร็จประโยชน์ ท่านจะได้ความรู้ทั้งทางปริยัติและปฏิบัติ พร้อมทั้งปฏิเวธด้วย และให้นำความรู้นั้นย้อนกลับมาแนะนำสั่งสอนพุทธศาสนิกชนที่เขาไม่ได้ไปให้มีความรู้และเข้าใจ เท่ากับเจริญรอยตามยุคลบาทของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่พระองค์ทรงรู้แล้ว ก็ให้บุคคลอื่นรู้ตาม

ขออนุโมทนาสถาบันโพธิคยาวิชชาลัย ที่มีพระราชรัตนรังษี ประธานพระธรรมทูตสายอินเดียเนปาล เป็นผู้อำนวยการ และคณะผู้บริหารที่มี สุภชัย วีระภุชงค์ เป็นเลขาธิการที่มีกุศลเจตนาอันสูงส่ง หวังยกย่องเชิดชูพระพุทธศาสนาและอุปภัมภ์พุทธศาสนาให้มั่นคงทั่วสุวรรณภูมิ ขออานุภาพมหากุศลเจตนาที่สถาบันตั้งไว้และขออานุภาพพระศรีรัตนตรัยจงประทานพรให้ท่านทั้งหลายมีสุขภาพแข็งแรง ไร้โรคาพาธ ปราศจากข้อขัดข้องตลอดเวลาที่ได้ศึกษาในอินเดีย ทุกท่านเทอญ

การปฐมนิเทศพระธรรมทูตรุ่นที่ 4 จำนวน 32 รูป จัดที่ตำหนักสมเด็จ วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ เมื่อวันที่ 28–29 ก.ค. และพระธรรมทูตได้เดินทางไปอินเดียวันที่ 1 ส.ค. เพื่ออบรมเชิงลึก 3 เดือน ที่วัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์และสังเวชนียสถาน แล้วกลับมาเผยแผ่ในประเทศของตนต่อไป