พระราชปรารภ(จบ)
คำพยากรณ์ของพระอรหันต์สมัยกรุงศรี อยุธยา พยากรณ์ไว้ว่า รัชกาลที่ 7 นั่งทนทุกข์
โดย...ภัทระ คำพิทักษ์
คำพยากรณ์ของพระอรหันต์สมัยกรุงศรี อยุธยา พยากรณ์ไว้ว่า รัชกาลที่ 7 นั่งทนทุกข์
เราก็รู้กันอยู่แล้วว่ารัชกาลที่ 7 ทุกข์แค่ไหน ทุกข์จนกระทั่งสละราชสมบัติเพราะใจไม่สบาย ไม่ใช่ว่าพระองค์อยากจะดึงเอาพระราชอำนาจกลับมาตามเดิม ไม่ใช่ยังงั้น เพราะว่าสมัยนั้นคณะราษฎร์กับพระองค์มีความเห็นไม่ตรงกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสมุดปกเหลืองหรือสมุดปกขาวก็ไม่ทราบ อาตมาอ่านแล้วสมุดเล่มนั้น ปรากฏว่าเป็นระบบคอมมูนทั้งหมด เพราะอะไร เพราะเขามีความคิดว่านาทั้งหมดเป็นของรัฐ ประชาชนทั้งหมดเป็นลูกจ้างของรัฐ รัฐจะมีรายได้มาก เพียงไม่กี่ปีรัฐก็จะมีถนนหนทางเต็มที่ อย่างนี้ดีไหมบรรดาท่านพุทธบริษัท ประชาชนทั้งหมดเป็นลูกจ้างของรัฐ ก็ดูตัวอย่าง เขมรกับลาว ประชาชนทั้งหมดเป็นลูกจ้างของรัฐ รัฐให้กินข้าวสารวันละ 1 กระป๋องนมต่อ 1 ครอบครัว แล้วก็ทำงานอย่างชนิดว่าต้องบังคับเวลากัน ไม่ใช่เหนื่อยแล้วก็นอน แล้วมันกินอิ่มไหมเล่า บรรดาท่านพุทธบริษัท
ประเทศไทยเรามีความจำเป็นอย่างนั้นหรือ ข้าวเราเหลือเฟือ ไม่จำเป็นที่จะต้องแบ่งกันกิน แล้วการแจกจ่ายของให้แก่บรรดาประชากร ดูสมัยนี้ก็แล้วกัน จะแจกของอะไรกันทีมันก็ไม่ถึงบรรดาประชาชน อาตมาเคยฟังวิทยุปีหนึ่งในเขตชัยนาทเขตหนึ่ง ปรากฏว่าน้ำท่วมมาก ข้าวปลาเสียหมด ทางวิทยุเขาบอกว่าทางราชการจ่ายข้าวเปลือกมาให้แก่ประชากรกี่สิบกี่ร้อยเกวียนก็ไม่ทราบ ถามประชากรเข้าจริงๆ ไม่มีใครได้เลย ไม่รู้มันไปทางไหนหมด นานแล้วนะ เรื่องมันนานเนกาเลมาแล้ว คนนั้นเขาก็ออกไปแล้ว
นี่แหละ บรรดาท่านพุทธบริษัท ถ้าเรื่องนี้มันตกเข้ามาในสภาพของประเทศไทย ความเป็นไทยมันก็สลายตัว เหลือแต่ความเป็นทาส นี่พูดอย่างนี้ไม่ช้าก็ติดตะราง ใครจะเอาเข้าตะรางก็เอา ตามสบาย แก่แล้ว เข้าไปอยู่ในนั้นบ้านไม่ต้องเช่า ข้าวไม่ต้องซื้อ กินเป็นเวลาไม่ช้าก็ตาย สบาย เวลานี้ความจริงเล่นการเมืองนี่ อาตมาก็เคยสัมผัสมามาก
สมัยเมื่ออยู่วัดประยุรวงศาวาส มีขุนนางเก่าๆ มีท่านเจ้าคุณพหลพลพยุหเสนา พระยาศราภัยพิพัฒ พระยาเทพผลู ใครต่อใครอีกเยอะ ท่านชอบมาคุยกันที่กุฏิท่านเจ้าคุณราช ชื่อมหาทอง รับฟังจากท่าน ท่านแสดงความเห็นกันคนละมากๆ อาตมาก็จำมา ความเห็นของแต่ละท่านที่ผ่านมาก็รู้สึกว่าดี แต่ทว่าเจ้าคุณพหลบอกว่าไอ้คำสั่งที่ออกไปนี่มันไม่ค่อยเป็นไปตามคำสั่ง นี่เป็นอันว่ารัฐบาลดี แต่ว่าคนที่ปฏิบัติตามคำสั่งของรัฐบาลไม่ค่อยจะเอาไหน ที่ดีก็มีมาก ที่ชั่วก็ถมไป
หากว่าเราบังเอิญเป็นประธิปตาย หมายความว่าสมบัติทั้งหมดเป็นของรัฐ รัฐมีเจตนาดีต่อประชากรในประเทศ และราษฎรทั้งหมด แต่ปรากฏว่าคนที่รับบัญชาจากรัฐไม่ปฏิบัติตามนั้น เราไม่อดข้าวตายรึ? นี่เราจะเป็นกันทำไมแบบนั้น เป็นกันแบบนี้ไม่ดีรึ พระเจ้าแผ่นดินท่านแจกดะ สมบัติของเราท่านก็ไม่กวน ท่านหามาให้ ใครเขาสละสตางค์ไปท่านก็แจก เวลานี้ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์มีเท่าไร เอาออมาแจ นี่ถ้ามีอีกก็แจกอีก นี่คงไม่มีแล้ว ท่านทำแบบนี้อาตมาเคยถวายพระพรกับพระองค์แล้วเมื่อคราวเสด็จฯ มาวัดท่าซุง แต่เอาไว้คุยกันตอนหลังตอนนั้นว่ากันให้หมดให้ก่อน
ตอนนี้มารัชกาลที่ 8 ยุคทมิฬ เห็นไหมบรรดาท่านพุทธบริษัทที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสกับพระอานนท์ว่า อานันทะ ดูก่อนอานนท์ ก่อนกึ่งพุทธกาล 15 ปี (คือ พ.ศ. 2485) จะมีภัยพิบัติเกิดขึ้นแก่โลก ฝนเหล็กจะตกจากอากาศ ไฟจะลุกจากอากาศ คนจะมีแต่ความลำบาก สมณะชีพราหมณ์จะล้มตาย สงครามโลกเกิดขึ้นคราวนั้นบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย
อาตมาก็อยู่ในสงครามเหมือนกัน แต่ไม่ได้ไปรบกับเขาหรอก มัววิ่งหนีลูกระเบิดอยู่ที่วัดประยุรวงศาวาส หลบลูกปืนกลอยู่ที่นั่น เวลานั้นเราต้องมีข้าวจัดสรรปันส่วนกัน ของทุกอย่างต้องปันส่วนกันกิน มันก็มีความลำบากอยู่ไม่น้อย แต่ในกรุงเทพฯ ก็รู้สึกว่ามีความสบายอยู่เพราะอยู่ใกล้ตารัฐบาล แต่ปรากฏว่าประชากรรอบนอกนั้นมีความลำบากเป็นกรณีพิเศษ มีคนเป็นจำนวนมากนุ่งผ้าขาด บางทีเพื่อนเข้ามาหามาเรียก ไอ้เพื่อนเราเวลาเรียกเพื่อนในบ้านก็หันหลังเรียก เจ้าเพื่อนที่ออกไปหาเพื่อนนอกบ้านก็หันหลังคุยกัน เพราะอะไร เพราะหันหน้ามาคุยกันไม่ได้ซีบรรดาท่านพุทธบริษัท ผ้ามันขาดอยู่ ไอ้หน้าล่วงมันจะโผล่อายหน้าล่างกัน
นี่มีหลายคนบอกให้อาตมาทราบ พระเจ้าก็มีความลำบาก ผ้าผ่อนท่อนสไบไม่ค่อยจะมีนุ่งกัน ดีไม่ดีประชาชนทั้งหลายซื้อผ้าใหม่จากร้านเจ๊กถวายพระเป็นผ้าสบง ผ้านุ่งผ้าใหม่เขาก็เห็นว่าใหม่ พระที่รับก็เห็นว่าใหม่ แต่ว่านั่งลงไปแรงหน่อยเดียวผ้าขาดแควกนี่ เสียท่าพ่อค้าซี แกเอาผ้าเก่าไปย้อมไปซักเสียดีแล้วลงแป้งรีดเสียแข็งตัวเข้าใจว่าเป็นผ้าใหม่
เวลานั้นลำบากกันไปหมด ทั้งพระ ทั้งบรรดาประชาชนทั้งหลาย ข้าวปลาอาหารก็ไม่ค่อยจะมีกิน เราเป็นประเทศที่มีข้าว ผ้าผ่อนท่อนสไบหายากลำบากอย่างยิ่ง ข้าวของทุกอย่างก็ลำบาก น้ำมัน เรือยนต์เราก็ต้องใช้ถ่านกัน รถยนต์ก็ต้องใช้ถ่าน ที่เป็นเครื่องเผาหัวใช้น้ำมันก็ใช้น้ำมันปลาบ้าง น้ำมันยางบ้าง กลิ่นเหม็นคลุ้ง นี่การแบ่งสันปันส่วน การจัดสรรกันมันเป็นอย่างนี้แหละบรรดาท่านพุทธบริษัท
ประเทศไทยเรายังไม่มีความจำเป็นจะต้องแบ่งกันกิน สู้มาประสานสามัคคี สงเคราะห์ซึ่งกันและกัน เอื้อเฟื้อซึ่งกันและกันดีกว่า หาทางให้ทุกคนเข้ากันได้ คนมีกับคนจนให้เข้ากันได้ เท่านี้เหลือแหล่งพอกินใช้ แล้วก็ประเทศไทยยังไม่ถึงกับยากจนในตอนไหนหรอก บรรดาท่านพุทธบริษัท อาตมาขอเอาชีวิตเป็นประกัน ว่าทรัพยากรในประเทศไทยยังมีเหลือล้น
สิ่งสำคัญที่ท่านยังไม่เคยคิด นั่นก็คือ แร่สำคัญจุดหนึ่งที่มีกำลังคล้ายแร่ยูเรเนียม แต่ทว่าจะมีกำลังสูงกว่า ใช้ในด้านสันติ จะมีความเย็น ไม่ใช่ความร้อน จะใช้เผาโรคด้วยอำนาจของความเย็น ถ้าใช้ในด้านกำลังงานก็จะมีกำลังงานมาก ถ้าจะให้ประหัตประหารก็มีกำลังยิ่งกว่าแร่ที่เขาใช้ปัจจุบัน มีอยู่ในประเทศไทย มีอยู่ตรงไหนไม่บอก ถ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรับสั่งถาม บอก แต่จะถวายพระพรว่ายังไม่ถึงเวลาขุด เพราะเวลานี้ขุดมาก็เหนื่อยเปล่าๆ ไม่มีประโยชน์ ถึงเวลามันปรากฏเอง แร่ประเภทนี้ ก่อนหน้าที่จะรู้มานี้ท่านก็พยากรณ์ไว้ บอกว่า ถ้าพบทีแรกมันจะเป็นเศษแร่ แต่ว่าบรรดาสตรีทั้งหลายจะนำไปใช้เป็นเครื่องประดับ หลังจากทราบมาแล้วประมาณ 1 เดือน หนังสือพิมพ์ก็ลงว่าคนเอาไปใช้เป็นเครื่องประดับ เขาถือว่าเป็นเพชร แต่ว่าสิ่งที่กระจายออกมานี้ไม่มีกำลัง กำลังจะมีได้เฉพาะจุดใหญ่ คือต้นตอของมัน เวลานี้เรายังขุดกันไม่ถึง น่ากลัวจะเป็นใกล้รัชกาลที่ 10 หรือสมัยรัชกาลที่ 10 นั่นแหละจะปรากฏ หรืออาจจะเป็นรัชกาลที่ 9 นี่ก็ได้ ไม่ได้เคยถามใคร ใครเขาไม่บอกมันก็ไม่รู้เหมือนกัน
แล้วก็อีกส่วนหนึ่งนั่นก็คือน้ำมัน คือน้ำมันของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ถ้านำมาใช้ได้เวลานี้เราก็มั่งคั่งสมบูรณ์พอ แล้วน้ำมันธรรมชาติของเราก็มีมาก ทรัพยากรส่วนอื่นที่เป็นแร่ที่ควรจะขายแก่ต่างชาติได้ยังมีเยอะ โอ๊ ยังมีเยอะแยะบรรดาท่านพุทธบริษัทอย่าเพิ่งคุยไปเลย เดี๋ยวชาวบ้านเขาจะรู้เอา อ้าว! ก็นี่พูดไปแล้วนี่พ่อคุณ เป็นตัวหนังสือนี่ นี่ไม่ได้คุยนะ พูดให้ฟังเท่านั้น ว่ามันจะมีขึ้นมาในวันหน้า
นี่พูดถึงรัชกาลที่ 8 ว่ายุคทมิฬรบกันแหลกลาญ
พอหลังจากกึ่งพุทธกาลแล้วล่อกันอีก เวลานี้รบกันหนัก ยักษ์หินที่ถูกสาปจะลุกขึ้นอาละวาด เอาแล้วซีพ่อเทวดาที่หมดวาสนาบารมี ไม่ค่อยจะศักดิ์ศรีอะไร เวลานี้ลุกขึ้นมาถือความเป็นใหญ่ในโลก ก่อกวนด้วยประการทั้งปวง ก่อกวนกันเข้าไป หลับตานึกเอาก็แล้วกัน มันจะไปหมดสิ้นได้ในเมื่อเขาตายกันไปฝ่ายละครึ่ง แต่ประเทศที่นับถือพระพุทธศาสนาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านตรัสว่า จะถูกภัยพิบัตินี้เหมือนกัน แต่ว่ามีภัยแต่ว่าภัยไม่ร้ายแรงนัก ไม่ถึงกับสลายตัว
อันนี้ถ้าบรรดาญาติโยมพุทธบริษัททั้งหลายจะถามว่า ก็ประเทศญวน ประเทศเขมร ประเทศลาว เขาก็นับถือพระพุทธศาสนา ทำไมพังแหลกลาญ อันนี้ก็ต้องขอตอบสักนิดหนึ่งว่า พระพุทธศาสนามีอยู่ในประเทศ แต่คนในประเทศนับถือพุทธศาสนาหรือเปล่า นี่ต้องมองกันตอนนี้ ถ้านับถือพระพุทธจริงๆ แล้วต้องประกาศตัวเป็นพุทธสาวก เรากล่าวกันว่า พุทธัง สรณัง คัจฉามิ ข้าพเจ้าขอถึงซึ่งพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ ขอถึงพระธรรมเป็นที่พึ่ง สังฆัง สรณัง คัจฉามิ ขอถึงพระสงฆ์เป็นที่พึ่ง แล้วพระก็บอกว่า ปาณาติปาตาเวรมณี สิกขาปทัง สมาธิยามิ เป็นต้น เราปฏิบัติกันได้หรือเปล่า
ถ้าเราไม่ปฏิบัติกัน เราจะมาคุยว่าเราเป็นคนนับถือพระพุทธศาสนานี่ มันจะใช้ได้หรือ เป็นอันว่าประเทศของเรามีพระพุทธศาสนา แต่ว่าเราไม่ได้นับถือพระพุทธศาสนาต่างหาก
ที่พระพุทธเจ้าตรัส ตรัสว่าประเทศที่มีความเคารพในพระพุทธศาสนา คนไทยเรามีพระพุทธศาสนาประจำชาติ แต่ทว่าคนที่นับถือพระพุทธศาสนามีกี่คน ประเทศเขมร ประเทศพม่า ประเทศญวน ประเทศลาว มีกี่คน ไปไล่เบี้ย ไปจับตัวคนที่นับถือพระพุทธศาสนามาให้ดู
แต่ว่าบ้านเราก็มีขวัญดีอยู่อย่างหนึ่ง นั่นก็คือ นับตั้งแต่สมัยพระพุทธกาลมาจนกระทั่งสมัยปัจจุบัน ประเทศไทยยังไม่เคยขาดพระอริยเจ้า
ตอนนี้มีหนังสือเขาด่ามานา ว่ารู้ได้ยังไงว่าเป็นพระสุปฏิปันโน คือพระอริยเจ้า เอางี้ก็แล้วกัน ตราบเท่าที่คุณยังเสพกามอยู่ตราบใด คุณยังรู้เรื่องของพระอริยเจ้าไม่ได้ ถ้าคุณเว้นจากการเสพกามเมื่อใด ทำใจให้ชนะนิวรณ์ มีจิตเป็นฌานแล้ว ทำใจของเราให้ชนะกิเลสคือตัดสังโยชน์ให้ได้ คุณทำได้อย่างนี้เมื่อไหร่ คุณพบพระอริยเจ้าเมื่อนั้น
แล้วจะมาถามว่าคนพูดทำได้แล้วหรือยัง?
ไม่รู้เหมือนกัน ไม่รู้ พูดกะด๋งกะเด๋งแบบนี้มันจะไปรู้ได้ยังไงว่าทำได้หรือไม่ได้ ได้หรือไม่ได้ก็มีแบบฉบับสำหรับดู ครูบาอาจารย์มี พระพุทธเจ้าก็มีบอกไว้ ครูบาอาจารย์ก็บอกไว้ ก็รู้แล้วนี่ คนพูดเป็นใคร หรือจำไม่ได้?จำไม่ได้ก็จะบอกให้ว่าคนพูดเป็นลิง แล้วก็ลิงปากหมา ซนด้วย เห่าด้วยอ้าว! หนังสือนี่ว่าจะเขียนดีๆ แต่ชาวบ้านเขาบอกว่าไม่สนุกนี่ พูดไปทีแล้วเขาบอกไม่เอา เอา จะเอาสนุกๆ นี่ ก็เอาสนุกๆ ก็ดี เด็กๆ จะได้อ่าน เป็นไปตามเจตนาเดิม หนังสือของพระน่ะ อยากจะให้สนุกๆ เด็กอ่านค่อยๆ ซึมไปทีละน้อยๆ
ทีนี้ เมื่อยุคทมิฬผ่านไปแล้ว เราก็เห็นว่าสมัยรัชกาลที่ 8 เกิดยุคทมิฬ ไม่ทมิฬเปล่าน่ะซี ท่านพุทธบริษัท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงสิ้นพระชนม์ เพราะอะไรกันหนอ?เพราะว่าถูกกระสุนปืน แต่มาจากไหนล่ะ บรรดาท่านพุทธบริษัท ก็รู้กันอยู่แล้วใช่ไหม?รู้กันแล้ว ก็รู้กันอยู่แล้วนี่ ไม่ต้องบอก เขาก็ประกาศกันอยู่แล้วว่ามาจากไหน จริงเท็จประการใดอาตมาไม่ยืนยัน ประเดี๋ยวเข้าตะราง ไม่เอา
ทีนี้มารัชกาลที่ 9 ท่านบอกว่าถิ่นกาขาว
เราก็ดูซี ฝรั่งเต็มบ้านเต็มเมือง อะไรๆ ก็เป็นเรื่องของฝรั่งไปหมด แถมคนไทยก็กลายเป็นฝรั่งขี้นกไปด้วย ความจริงเรื่องของฝรั่งนี่ ถ้าเราจะลอกแบบเขาก็เอามาทั้งดีทั้งชั่ว ที่ดีก็มีอยู่อย่างหนึ่งก็คือ ถึงเวลาวันอาทิตย์ที่เขาตีระฆังฝรั่งต้องไปโบสถ์ แต่ว่าเราไม่เอาซี วันพระของเราตีระฆัง ระฆังแตกไปหลายแสนลูกแล้ว ไม่มีใครไปวัดกัน ไม่อยากไป แต่ไอ้ของเลวๆ จากฝรั่งอยากเอามาใช้กัน ถ้าจะเอาก็เอามาให้หมด ทั้งดี ทั้งเลว หรือว่าเราจะเลือกเอาแต่ดีมาใช้ก็ได้ แต่ดูความเหมาะสมของประเทศชาติว่ามันควรหรือไม่ควรเพียงใด เรื่องอะไรของฝรั่งที่มันเหมาะกับคนไทยเอามา ที่มันไม่เหมาะอย่าเอามา อย่างนี้ดีไหม อะไรๆ ก็ฝรั่งจ๋าไปหมด บ้านเรามีข้าวกินแยะ ไม่ต้องไปกินขนมปัง แต่อยากจะกินก็ไม่ได้ว่าอะไรมีสตางค์ซื้อกินก็กินเข้าไป ประชาธิปไตยนี่ ถ้าหากว่าบรรดาพวกนั้นเขามาครองเรา เราจะกินขนมปังที่ไหน ข้าวเขาให้กินครอบครัวละ 1 กระป๋องนม ข้าวสาร บางทีข้าวสารไม่มีก็ให้ข้าวเปลือก พวกเขมรเล่าให้ฟังว่า ข้าวเปลือกนี่ โอ้โฮไม่มีครกจะตำ เอาใส่ครกน้ำพริก เอาด้ามขวานตำให้เป็นข้าวสาร นี่มารัชกาลที่ 9 ถิ่นกาขาว ตรงแล้วหรือยัง?ตรงแล้วนะ
แล้วมารัชกาลที่ 10 ชาววิไล
ตอนนี้เปรื่องปราชญ์มาก เพราะว่ารัชกาลที่ 9 วางพื้นฐานไว้ให้ ทุกอย่างวางพื้นฐานไว้หมด แต่ความจริงการเป็นพระมหากษัตริย์ อาตมาสงสารรัชกาลที่ 9 มาก เพราะพระองค์ไม่มีแบบปฏิบัติ กษัตริย์ทุกๆ พระองค์ที่ผ่านมาเว้นไว้แต่รัชกาลที่ 8 ทรงเห็นความเป็นกษัตริย์จากพระราชบิดาบ้าง จากพระเจ้าพี่บ้าง แต่ทว่ารัชกาลที่ 9 กับรัชกาลที่ 8 นี่ลำบากมาก เพราะมองไม่เห็นระบบของกษัตริย์มาก่อนเลย ไม่รู้จะเอาแบบฉบับมาจากไหน ต้องทรงสร้างพระองค์เองทั้งนั้น พระองค์ต้องทรงสร้างแบบฉบับขึ้นมาเอง แต่ทว่ารัชกาลที่ 9 ทรงสร้างแบบฉบับได้ดีมาก เป็นที่น่าสรรเสริญ นี่ไม่ใช่ว่าพระเจ้าแผ่นดินเสด็จมาทรงสนทนาปราศรัยด้วยเลยยกยอพระเจ้าแผ่นดิน ไม่ใช่อย่างงั้น นี่เราพูดกันตามความเป็นจริง ก็ดูตัวอย่างก็แล้วกันนี่ พระองค์ทรงเหน็ดเหนื่อย ทรงเสียสละทุกอย่าง เห็นชอบไหมถ้าพระองค์ให้แล้วคนที่เขามาโฆษณาปาวๆ ให้เราเป็นทาสเป็นขี้ข้าเขา ให้กินข้าววันละ 1 กระป๋องนมต่อ 1 ครอบครัวน่ะ เราชอบใจไหมล่ะ ถ้าชอบใจแบบนั้นก็จงอย่าชอบใจพระเจ้าแผ่นดิน จะได้กินข้าวน้อยๆ เชปมันจะได้ดีๆ แต่ว่าการงานมันหนักนี่ถึงรัชกาลที่ 10 ชาววิไล
ทีนี้ ถึงประการสุดท้ายก็บอกไว้แล้วนี่ ที่พระพุทธเจ้าทรงพยากรณ์นี่ ที่อาตมาถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่าประเทศไทยไม่มีอันตรายถึงกับวินาศไปก็อาศัยหลักใหญ่จากหนังสือฉบับนี้
ถ้าหากว่าบรรดาญาติโยมพุทธบริษัทจะถามว่า ถ้าหากหนังสือพยากรณ์ผิด แล้วความผิดไม่ถึงอาตมารึ?
อาตมาก็บอกแล้วนี่ ว่ายอมถวายหัวว่าถ้าหากประเทศไทยต้องตกไปเป็นทาสเขาละ อาตมาเอาชีวิตเป็นประกัน ยอมตาย โธ่เอ๊ย ไอ้เรื่องตายมันเรื่องเล็กนี่ มันไม่ใช่เรื่องใหญ่ เรื่องกินเป็นเรื่องใหญ่ เรื่องตายเป็นเรื่องเล็กฆ่าก็ตายไม่ฆ่าก็ตายไอ้คนมันจะตายอยู่แล้วนี่ เอ้าลองลงทุนบอกเอ้า ถ้าหากไม่เป็นไปแบบนั้นอาตมาขอถวายชีวิต เอาชีวิตเป็นประกัน มันจะไปยากอะไร ไม่ช้าก็ม่องตี่
ถ้าเราจะมาพิจารณากันดูอีกทีว่า คำพยากรณ์ของพระอรหันต์สมัยกรุงศรีอยุธยาที่มีนามว่า พระพุทธโฆษาจารย์ หลวงพ่อใย บอกชื่อไว้ด้วยนะ นักประวัติศาสตร์ค้นกันให้ดี ว่ามีหลวงพ่อใยในสมัยอยุธยาที่เป็นพระราชาคณะมีนามว่าพระพุทธโฆษาจารย์มีไหม
โอ๋ พระพุทธโฆษาจารย์นี่มีความสำคัญจริงๆ นะ สมเด็จพระพุฒาจารย์โตก็เป็นพระพุทธโฆษาจารย์เหมือนกัน โอ๊ะ ตำแหน่งนี้ตำแหน่งสำคัญมาก เป็นตำแหน่งที่ควรจะคิด แล้วการจะแต่งตั้งใครเป็นตำแหน่งพระพุทธโฆษาจารย์ น่ากลัวจะต้องคิดเสียแล้วว่าต้องเป็นพระที่มีญาณเป็นพิเศษ มีสติปัญญา ความสามารถ เฉลียวฉลาดเป็นพิเศษ ควรจะตั้งเป็นตำแหน่งพระพุทธโฆษาจารย์ นี่นึกเอาเองนา เวลาเขาตั้งกันเขาไม่ได้เลือกตามนี้หรอก จะไปโทษพระเจ้าแผ่นดินท่านไม่ได้ เขาเขียนเข้าไปให้พระองค์เซ็น พระองค์ก็จำจะต้องเซ็นมันเป็นยังงั้น...
เป็นอันว่า นี่แหละท่านพุทธบริษัททุกท่านถ้าพูดกันไปแล้ว อาตมาใช้คำว่า พยากรณ์นี้เป็นหลักในการถวายพระพรสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ถ้าท่านสงสัยว่าจะผิดหรือถูกทุกอย่างก็ลองพิจารณาดูตั้งแต่รัชกาลที่ 1 ถึงรัชกาลที่ 9 เป็นอันว่าคำพยากรณ์ของท่านถูกทุกอย่าง จะเกิดมาผิดตอนรัชกาลที่ 10 อาตมาก็ซวยหนักแล้ว ก็ช่างปะไร ไอ้คนซวยแบบนี้มันตายเสียได้ก็ดี อาตมาก็ถือว่า คำพยากรณ์นี้มีความสำคัญ จึงรับกับพระเจ้าอยู่หัวในวันนั้นว่า ถ้าประเทศไทยต้องเป็นทาสเขา อาตมาขอเอาชีวิตเป็นประกัน