posttoday

พุทธศาสน์...วัฒนธรรม ทางจิตวิญญาณที่ผันแปรในปากมังกร!? (ตอน ๘)

24 พฤษภาคม 2555

กลายเป็นธุรกิจเฟื่องฟูบนแผ่นดินจีนที่น่าสนใจศึกษาถึงที่ไปที่มา อันนำมาเป็นข้อมูลอ้างอิงได้ว่า

โดย...พระอาจารย์อารยะวังโส

กลายเป็นธุรกิจเฟื่องฟูบนแผ่นดินจีนที่น่าสนใจศึกษาถึงที่ไปที่มา อันนำมาเป็นข้อมูลอ้างอิงได้ว่า คนจีนในยุคปัจจุบันให้ความสำคัญต่อการศึกษาสูงสุด เพราะการศึกษาได้ให้โอกาสเงินทองแก่ชีวิตในวันข้างหน้า!! จึงไม่แปลกที่วัดวาอารามทั้งหลายจะคงเหลืออยู่แต่เพียงสภาพร่างของสัญลักษณ์แห่งศาสนา...ให้คนในสังคมยุคปัจจุบัน บ้างไประลึกถึงการประกอบศาสนกิจตามที่เคยทำกันมา บ้างไปท่องเที่ยวชมโบราณสถาน ศาลาวิหาร พระปฏิมา สิ่งก่อสร้าง สถูปเจดีย์ทั้งหลาย... บ้างก็ไปศึกษาร่องรอยประวัติศาสตร์ของสภาพบ้านเมืองในแต่ละยุคที่สืบสัมพันธ์เคียงคู่มากับศาสนาวัฒนธรรม...

เราจึงเห็นปรากฏการณ์ใหม่ในเขตพุทธศาสนา คือ การเก็บค่าผ่านประตูเข้าเที่ยวชมวัด หรือเพื่อประกอบศาสนกิจตามความเชื่อของตน หรือเพื่อเข้าชมการแสดงที่วัดจัดขึ้น เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ชมเป็นรอบๆ... ในเขตวัดทั้งหลายก็จะมีร้านอาหาร (โรงเจ) ร้านจำหน่ายขายของที่ระลึก มีพระจีนและคนวัดรับผิดชอบงานแต่ละด้าน... พระทุกรูปมีงานประจำตั้งแต่เช้ายันเย็น นอกเหนือจะมีการเรียนรู้ในพระธรรมคำสั่งสอน หรือการสวดมนต์ภาวนา ซึ่งพอให้เห็นว่ามีอยู่บ้าง ทั้งนี้คงขึ้นอยู่กับทัศนคติของฟางจ่าง หรือเจ้าอาวาสในแต่ละวัด เช่นอย่างกรณีวัดฝ่าเหมินซื่อ ที่ชาวจีนเชื่อว่ามีอัฐิข้อนิ้วพระหัตถ์ของพระผู้มีพระภาคเจ้าประดิษฐานอยู่

พุทธศาสน์...วัฒนธรรม ทางจิตวิญญาณที่ผันแปรในปากมังกร!? (ตอน ๘)

เจ้าอาวาสดูออกว่าเป็นผู้มีทัศนคติทางด้านการศึกษา จึงสนับสนุนให้พระได้เรียนธรรมศึกษา มีโรงเรียนปริยัติในเขตวัด มีการจัดผังวัดไว้อย่างสวยงาม ในเขตวัดมีพิพิธภัณฑ์ซึ่งเก็บรักษาวัตถุโบราณทางพระพุทธศาสนาที่ได้มาจากการบูรณะซ่อมแซมองค์พระเจดีย์ที่ได้พังทลายลงมาซีกหนึ่ง ด้วยฝนตกหนัก ซึ่งตรงกับวันวิสาขบูชา เมื่อรื้อค้นองค์พระเจดีย์จึงพบหีบบรรจุพระอัฐิที่ดูเหมือนเป็นข้อนิ้ว พร้อมเครื่องบูชาสักการะของกษัตริย์มากมายที่มีค่าเกินกว่าจะประมาณ จึงได้นำมาแสดงไว้ในอาคารพิพิธภัณฑ์ตั้งอยู่ในเขตวัด

มีการบูรณะพระเจดีย์ของวัดฝ่าเหมินซื่อ (Famen Temple) แห่งนี้อย่างยิ่งใหญ่ โดยเฉพาะพิธีสักการะพระอัฐิข้อนิ้วจากพระหัตถ์ ซึ่งเชื่อว่าเป็นพระอัฐิพระผู้มีพระภาคเจ้า ซึ่งเคยถูกกระแสปฏิรูปวัฒนธรรมอย่างรุนแรงเช่นกัน เมื่อคณะเรดการ์ดนำกำลังเพื่อเข้าทำลายวัดแห่งนี้ จนอดีตเจ้าอาวาสในยุคนั้นได้สละชีวิตด้วยการเผาตนเอง เพื่อประท้วงบรรดาเรดการ์ดไม่ให้เข้าทำลายพระเจดีย์ที่เชื่อว่าประดิษฐานพระอัฐิธาตุ (ข้อนิ้วจากพระหัตถ์) นี้... จนบรรดาพลพรรคเรดการ์ดได้ล่าถอยออกไป เรื่องดังกล่าวเป็นข่าวโด่งดังไปทั่วโลกในยุคนั้น

แต่อย่างไรก็ตาม แม้ว่าวัดฝ่าเหมินซื่อที่แปลว่า ประตูแห่งธรรมะ จะรอดพ้นน้ำมือจากบรรดาพวกปฏิวัติวัฒนธรรมไปได้ ก็มิใช่ว่าจะรอดพ้นไปจากระบบทุนนิยมที่กำลังปฏิวัติเศรษฐกิจสังคมและวัฒนธรรมในแผ่นดินจีนรอบใหม่ ที่กล่าวว่าดูน่าจะรุนแรงไปยิ่งกว่ายุคก่อนๆ เพราะเพียงแต่เหยียบย่างเข้าไปเพื่อสักการะพระธาตุเจดีย์ ทุกๆ คนจะต้องจ่ายเงินค่าผ่านประตูคนละ ๑๕๐ หยวน ซึ่งเป็นมูลค่าเงินไม่น้อยเลย หากเปรียบเทียบกับรายได้ขั้นต่ำของประชาชนชาวจีนที่ประมาณ ๗,๐๐๐-๙,๐๐๐ บาทเท่านั้นเอง กล่าวกันว่าต้องเก็บเงินพอสมควรเพื่อจะได้ไปเที่ยวในสถานที่ต่างๆ สักครั้งในปีหนึ่ง ซึ่งมิใช่แต่วัดอย่างเดียวที่เก็บเงินค่าผ่านเข้าไปเที่ยวชม แต่จะต้องผ่านองค์กรปกครองท้องถิ่นซึ่งจะมาจัดสถานที่อำนวยความสะดวก

ปิดด้านหน้าวัดอีกชั้นหนึ่ง มีการจัดรถรับส่งที่แปลกๆ คือ จัดสร้างเครื่องหมายเชิงสัญลักษณ์คล้ายๆ กับวัด เพื่อเปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวด้านหน้าวัด เรียกว่าจะเข้าชมวัดก็ต้องผ่านด่านเรียกเก็บเงินค่าผ่านทางจากองค์กรปกครองในท้องถิ่นก่อน ๑ ชั้น ใช้บริการรถยนต์รับส่ง มีไกด์ ร้านค้าจำหน่ายของที่ระลึกคอยบริการ จนกว่าจะเข้าถึงประตูวัดก็ต้องซื้อตั๋วผ่านเข้าวัดอีกชั้นหนึ่ง และเมื่อเข้าไปถึงในวัดแล้ว อาจจะต้องซื้อตั๋วเข้าชมภายในพระเจดีย์หรือโบราณสถานที่สำคัญอีกชั้นหนึ่ง ดังเช่นวัดสือเอินซื่อ ที่ตั้งของพระเจดีย์ต้าเหยี้ยนถ่า สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นอย่างรุนแรงมากในระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยมฉบับของจีน

อ่านต่อฉบับพรุ่งนี้