กำสรวล

โดย...นาย ป.

ในสมัยสงครามโลกเมื่อครั้งสงครามเวียดนาม สหรัฐได้ใช้อาวุธหลากหลายชนิดตั้งแต่ระเบิดนาปาล์ม ขีปนาวุธ แต่อาวุธที่ขึ้นชื่อในสงครามเวียดนามมากและนิยมใช้มากที่สุดในขณะนั้น คือ อาวุธเคมี ตั้งแต่ฝนเหลือง สารพิษ คลอรีน เป็นต้น และมักคิดว่าเป็นสงครามที่สหรัฐใช้

จนมาวันนี้สงครามที่ขึ้นชื่อที่สุด คือ สงครามนิวเคลียร์กับสงครามอาวุธเคมี ที่สร้างความหวาดหวั่นไปทั่วโลก การยิงขีปนาวุธนำร่องโทมาฮอว์ก จากเรือพิฆาตของกองทัพเรือสหรัฐเข้าใส่ฐานทัพอากาศในซีเรีย

การโจมตีครั้งนี้เป็นปฏิบัติการทางทหารครั้งแรกของสหรัฐตอบโต้ปฏิบัติการของกองทัพซีเรียภายในการสนับสนุนโดย ประธานาธิบดีบาชาร์ อัลอัสซาด ของซีเรีย

แม้แต่รัฐบาลรัสเซียซึ่งให้การสนับสนุนประธานาธิบดี อัสซาด ยังออกมาประณามการโจมตีดังกล่าวของสหรัฐ ที่ออกมาประฌามว่า “เป็นพฤติกรรมก้าวร้าวต่ออธิปไตยของประเทศ” รวมทั้งทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐและรัสเซียเลวร้ายลง

ทำไมองค์กรนานาชาติ หรือองค์กรพัฒนาเอกชน (NGOs) ด้านสิทธิมนุษยชน ทั้งในต่างประเทศและในประเทศไทยเอง ไม่ดาหน้าออกมาประณามรัฐบาลสหรัฐที่ละเมิดอธิปไตยของรัฐอื่นๆ กระทำการอันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างโจ่งแจ้งจนอาจกล่าวได้ว่าเป็นเจตนาฆ่าด้วยซ้ำไป

ทำไมไม่เรียกร้องให้นำตัวประธานาธิบดีสหรัฐผู้สั่งการไปขึ้นศาลยุติธรรมระหว่างประเทศบ้าง ทำไมเขาจึงสนับสนุนกลุ่มกบฏให้สร้างความบรรลัยให้รัฐบาลและผู้คนของชาติอื่นได้ นั่นมันคือการก่อการร้ายชัดๆ มิใช่หรือ

หรือเป็นเพราะเขามีเงิน มีอิทธิพล และเป็นต้นแบบคนเขียนตำราประชาธิปไตย เขาจึงทำอย่างไรก็ได้!!!

นี่มันไม่ต่างจากผู้มีอิทธิพลในสารขัน!!

ข้าพเจ้าเท่านั้นที่ทำได้ ถ้าคนอื่นทำอย่างที่ข้าพเจ้าทำ ถือเป็นการกระทำความผิดอุกฉกรรจ์ ต้องนำตัวมันมาลงโทษ

คำโกหกเรื่องอาวุธเคมีทำให้อิรักล่มสลาย

เพราะถ้ายังจำกันได้ก่อนหน้าการรุกรานรัฐบาลของสหรัฐและสหราชอาณาจักรประเมินว่า ความเป็นไปได้ที่อิรักจะครอบครองอาวุธอานุภาพทำลายล้างสูงคุกคามความมั่นคงของตนและพันธมิตรของตนในภูมิภาค

หลายคนยอมรับเมื่อถูกเปิดโปง แต่ไม่มีใครเอาผู้นำโลกเสรีไปขึ้นศาลอาญาระหว่างประเทศได้สักคน แต่กลับออกมาเรียกร้องให้ “ทุกอารยประเทศ” ช่วยกันยุติความขัดแย้ง แถมยังรับเดินสายไปปาฐกถาเรื่องประชาธิปไตยด้วยค่าตัวแสนแพงลิบลิ่วไปไหนมาไหนได้ทั่วโลก!!!

มาวันนี้เพื่อให้ข้อกล่าวหาดูสมจริง โจรร้ายใจทมิฬแอบใช้อาวุธเคมีนั้นกับผู้บริสุทธิ์แล้วตีข่าวไปทั่วโลก ใครทำก็ยังไม่ชัด แต่สหรัฐอ้างเป็นเหตุลงมือ แถมขู่อีกว่าสูต้องโดนอีก

พล็อตเรื่องมันดูคุ้นๆ ชอบกล!

เริ่มสงสัยแล้วว่าจิตวิญญาณเสรีของมนุษย์ที่มีการเรียกร้องกันโดยหนุ่มสาวทั่วโลกในยุค 1970s-1990s มันหายไปแล้ว

โดยเฉพาะจากใจของคนในยุคดังกล่าวที่กลายเป็นผู้ทรงอำนาจกันทั่วโลกในปัจจุบัน หรือแท้จริงแล้ว จิตวิญญาณเสรีมันไม่เคยมีอยู่จริง?