ยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ แคนดิเดตนายกฯ เพื่อไทย ไม่ใช่ใบสั่งครอบครัว
บทสัมภาษณ์ลึก ศ.ดร.ยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ เปิดแรงจูงใจสู่สนามการเมือง ยืนยันไม่ใช่ใบสั่งครอบครัว ชูประสบการณ์วิชาการ 17 ปี ขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยวิทยาศาสตร์ นวัตกรรม และการแก้หนี้เชิงโครงสร้าง
KEY
POINTS
- ยืนยันเข้าสู่การเมืองจากแรงจูงใจส่วนตัว ไม่ใช่ใบสั่งครอบครัว
- มองสายสัมพันธ์ทางการเมืองเป็นต้นทุนการเรียนรู้ ไม่ใช่อุปสรรค
- ชูวิทยาศาสตร์และนวัตกรรมเป็นกุญแจแก้หนี้และยกระดับเศรษฐกิจไทย
จากรั้วมหาวิทยาลัยสู่สมรภูมิการเมืองระดับประเทศ
การตัดสินใจก้าวเข้าสู่การเมืองของ ศ.ดร.ยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ เกิดขึ้นท่ามกลางคำถามจำนวนมาก โดยเฉพาะข้อสงสัยว่าการปรากฏตัวในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย เป็นผลจากสายสัมพันธ์ทางครอบครัวหรือไม่ เจ้าตัวยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่า ไม่อาจปฏิเสธภูมิหลังได้ แต่ยืนยันว่าแรงผลักดันหลักมาจากความตั้งใจส่วนตัวในการแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างของประเทศ
ตลอด 17 ปีในแวดวงวิชาการ ศ.ดร.ยศชนัน คลุกคลีอยู่กับการวิจัย การบริหารองค์กร และการกำหนดนโยบายในระดับสถาบัน ประสบการณ์เหล่านี้ทำให้เห็นช่องว่างระหว่างองค์ความรู้กับการตัดสินใจเชิงนโยบายของรัฐ ซึ่งมักไม่เชื่อมต่อกันอย่างเป็นระบบ ความคิดที่จะ “ลงมือเอง” จึงค่อย ๆ ชัดเจนขึ้น
สำหรับศ.ดร.ยศชนัน การเมืองไม่ใช่เวทีแห่งอำนาจ แต่เป็นกลไกในการนำความรู้ไปใช้จริง ภายใต้บริบทที่ซับซ้อนและมีแรงต้านสูงกว่าสถาบันการศึกษาอย่างเทียบกันไม่ได้ นี่คือจุดเริ่มต้นของการเดิมพันครั้งสำคัญในชีวิตการทำงาน
เครือญาติการเมือง จุดแข็งหรือเงื่อนไขที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
คำถามเรื่องความสัมพันธ์กับอดีตนายกรัฐมนตรีและนักการเมืองรุ่นก่อน เป็นประเด็นที่ถูกหยิบยกขึ้นมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ศ.ดร.ยศชนัน เลือกไม่ปฏิเสธ แต่เสนอกรอบคิดใหม่ว่า นี่คือ “ต้นทุนทางการเรียนรู้” มากกว่าภาระทางการเมือง
ศ.ดร.ยศชนัน มองว่า การเติบโตในครอบครัวที่อยู่ในสนามอำนาจ ทำให้เข้าใจธรรมชาติของการเมืองไทยเร็วขึ้น ทั้งในด้านโครงสร้างอำนาจ ความคาดหวังของสังคม และข้อจำกัดที่นักการเมืองต้องเผชิญ ซึ่งเป็นสิ่งที่คนทั่วไปต้องใช้เวลานานกว่าจะเรียนรู้
อย่างไรก็ตาม ศ.ดร.ยศชนัน ยอมรับว่าภูมิหลังดังกล่าวก็เป็นดาบสองคม เพราะย่อมมาพร้อมแรงกดดันและการจับตาอย่างเข้มข้น การพิสูจน์ตัวเองจึงไม่อาจอาศัยชื่อเสียงในอดีตได้ หากต้องแสดงความสามารถและความคิดอย่างเป็นรูปธรรมในปัจจุบัน
วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และโจทย์หนี้สินเชิงโครงสร้าง
แกนกลางของวิสัยทัศน์ที่ ศ.ดร.ยศชนัน เสนอ คือการยกระดับเศรษฐกิจไทยด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม เขามองว่าปัญหาหนี้สินของประชาชนไม่อาจแก้ด้วยมาตรการระยะสั้น แต่ต้องควบคู่กับการเพิ่มขีดความสามารถในการสร้างรายได้
แนวคิดดังกล่าวเชื่อมโยงกับการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ ตั้งแต่การพัฒนาทักษะแรงงาน การสนับสนุนงานวิจัยที่นำไปใช้ได้จริง ไปจนถึงการสร้างระบบนิเวศนวัตกรรมที่เอื้อต่อภาคธุรกิจและชุมชนท้องถิ่น นี่คือมุมมองของนักวิชาการที่ต้องการเปลี่ยน “องค์ความรู้” ให้เป็น “ผลลัพธ์”
แม้จะยอมรับว่าประสบการณ์ทางการเมืองโดยตรงยังเป็นจุดอ่อน แต่ศ.ดร.ยศชนัน เชื่อว่าความรู้ด้านการบริหารระดับสูงและการทำงานเชิงระบบ คือสิ่งจำเป็นต่อการเปลี่ยนแปลงประเทศ ท่ามกลางความท้าทายทั้งภายในพรรคและบนเวทีการเมืองระดับชาติ
ที่มา:รายการคมชัดลึก (คลิ๊มชม)
เรียบเรียง : อมรเดช ชูสุวรรณ บรรณาธิการข่าวการเมือง


