"รัฐบาลอนุทิน"ประกาศสงครามสแกมเมอร์ หรือแค่พิธีกรรมการเมือง
จากวาระแห่งชาติสู่พิธีกรรมเชิงสัญลักษณ์ “สงครามสแกมเมอร์” กำลังกลายเป็นบททดสอบศรัทธา วัดใจนายกฯอนุทิน ว่าจะเลือกปกป้องใคร ประเทศหรือพวกพ้อง
KEY
POINTS
- การประกาศสงครามปราบสแกมเมอร์ของรัฐบาลถูกวิจารณ์ว่าเป็นเพียงพิธีกรรมทางการเมืองเพื่อสร้างภาพลักษณ์ ขาดการสั่งการและกรอบเวลาปฏิบัติที่ชัดเจน
- ความพยายามปราบปรามถูกตั้งคำถามจากข้อกล่าวหาเรื่อง "คนเทา" ในรัฐบาล โดยเฉพาะกรณี ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า ที่เชื่อมโยงกับเครือข่ายอาชญากรรม ซึ่งนายกฯ ถูกมองว่าไม่กล้าจัดการ
- ตัวเลขผลงานทลายเครือข่ายมูลค่า 35,000 ล้านบาท ถูกชี้ว่าเป็นเพียง "เงินหมุนเวียน" ไม่ใช่กำไรที่ยึดได้จริง และเป็นเพียงส่วนน้อยของปัญหาทั้งหมดที่รัฐบาลยังไม่กล้าแตะเครือข่ายใหญ่
สงครามหรือพิธีกรรม: เมื่อการประกาศ “ปราบสแกมเมอร์” กลายเป็นเกมสร้างภาพ
คำว่า “สงครามกับสแกมเมอร์” ที่นายกฯ อนุทินประกาศก้องต่อสาธารณะ พร้อมการลงนาม MOU กับ 15 หน่วยงานและตั้ง “ซูเปอร์บอร์ด” พิเศษ ถูกมองว่าเป็นฉากการแสดงเชิงสัญลักษณ์มากกว่าปฏิบัติการจริง เสียงวิจารณ์จากในสภาอย่างนายชุติพงศ์ พิภพภิญโญ สส.พรรคประชาชน ชี้ว่าหลายหน่วยงานยังไม่ทราบ “คำสั่งที่แท้จริง” จากนายกรัฐมนตรี เป็นภาพสะท้อนช่องว่างระหว่าง “คำประกาศ” กับ “การสั่งการ” ที่จับต้องได้
การไม่กำหนดกรอบเวลารายงานผลที่ชัดเจน เช่น 7 หรือ 15 วัน ยิ่งตอกย้ำความรู้สึกว่าปฏิบัติการครั้งนี้เป็นเพียง “พิธีกรรมปล่อยแถว” มากกว่าการทำสงครามจริง
“คนเทา” ในศูนย์กลางอำนาจ: ตอใหญ่ที่ทำให้สงครามเป็นอัมพาต
จุดเปราะบางที่สุดของสงครามครั้งนี้คือข้อกล่าวหาที่เชื่อมโยง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า กับบุคคลใกล้ชิดเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ ทั้งการใช้พาสปอร์ตทูต การส่งทนายความส่วนตัวไปช่วย “เบน สมิธ” และการแต่งตั้งคนใกล้ชิดเข้าสู่ตำแหน่งการเมือง
ภาพถ่ายบนเรือยอชต์และท่าทีแข็งกร้าวต่อการตรวจสอบยิ่งขยายความสงสัย ขณะที่นายกฯ อนุทินกลับถูกมองว่า “ไม่กล้าทำอะไรกับธรรมนัส” ซึ่งขัดแย้งกับความเด็ดขาดที่เคยแสดงในกรณีอื่น นาวาตรีศิธา ทิวารี อดีตโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เตือนว่านี่คือ “วิกฤตจริยธรรม” ที่ผลักประเทศเข้าสู่ยุค “แผ่นดินเทา” พื้นที่ที่กฎหมายถูกตีความเพื่อคุ้มครองอำนาจมากกว่าความยุติธรรม
ถอดรหัส “เงินหมุนเวียน 35,000 ล้าน”: ตัวเลขที่สร้างภาพมากกว่าผลงาน
รัฐบาลยกตัวเลข “ทลายเครือข่ายมูลค่า 35,000 ล้านบาทใน 38 วัน” เป็นผลงานเด่น แต่เมื่อถอดรหัสโดยนักวิเคราะห์อย่างนาวาตรีศิธา ทิวารี พบว่า “เงินหมุนเวียน” หรือ rolling เป็นเพียงยอดเงินทั้งหมดในระบบ ไม่ใช่กำไรที่จับได้จริง ซึ่งอาจไม่ถึง 1% ของตัวเลขนี้
เมื่อเทียบกับขนาดของธุรกิจสีเทาที่อาจสูงถึง “ล้านล้านบาทต่อปี” ผลการปราบปรามที่อวดตัวเลขใหญ่จึงเป็นเพียงเศษเสี้ยวของภูเขาน้ำแข็ง ความจริงคือรัฐยังไม่กล้าสัมผัสเครือข่ายที่มี “ร่มเงาทางการเมือง” คุ้มครองอยู่
| การนำเสนอของรัฐบาล | บทวิเคราะห์เชิงวิพากษ์ |
|---|---|
| ทลายเครือข่ายมูลค่า 35,000 ล้าน | ตัวเลข rolling ไม่ใช่กำไรจริง |
| ภารกิจครั้งใหญ่ระดับชาติ | ยังเบาเกินไปเมื่อเทียบธุรกิจสีเทาทั้งระบบ |
| แสดงความจริงจังในการแก้ปัญหา | อาจเป็นการเลือกปราบเฉพาะคนที่ไม่ใช่ “พวกเดียวกัน” |
“คนเทา” ในศูนย์กลางอำนาจ: ตอใหญ่ที่ทำให้สงครามเป็นอัมพาต
จุดเปราะบางที่สุดของสงครามครั้งนี้คือข้อกล่าวหาที่เชื่อมโยง ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า กับบุคคลใกล้ชิดเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ ทั้งการใช้พาสปอร์ตทูต การส่งทนายความส่วนตัวไปช่วย “เบนซิธ” และการแต่งตั้งคนใกล้ชิดเข้าสู่ตำแหน่งการเมือง
ภาพถ่ายบนเรือยอชต์และท่าทีแข็งกร้าวต่อการตรวจสอบยิ่งขยายความสงสัย ขณะที่นายกฯ อนุทินกลับถูกมองว่า “ไม่กล้าทำอะไรกับธรรมนัส” ซึ่งขัดแย้งกับความเด็ดขาดที่เคยแสดงในกรณีอื่น นาวาตรีศิธาเตือนว่านี่คือ “วิกฤตจริยธรรม” ที่ผลักประเทศเข้าสู่ยุค “แผ่นดินเทา” —พื้นที่ที่กฎหมายถูกตีความเพื่อคุ้มครองอำนาจมากกว่าความยุติธรรม
เดิมพันเสถียรภาพรัฐบาล: ทางแยกของผู้นำ
แรงกดดันจากทั้งสังคมและฝ่ายค้านทำให้ “สงครามสแกมเมอร์” กลายเป็นจุดวัดใจนายกรัฐมนตรี หากไม่ปลดธรรมนัสออก รัฐบาลจะยิ่งเสียศรัทธา เพราะการคงบุคคลที่ถูกตั้งข้อสงสัยไว้ในอำนาจ เท่ากับยอมให้ “ตอใหญ่” ขวางการปราบปราม
นายอนุทินจึงต้องเลือกระหว่าง “รักษาเสถียรภาพทางการเมือง” หรือ “กู้ศรัทธาของประชาชน” เพราะการตัดสินใจครั้งนี้จะถูกจารึกว่าเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่สุดของรัฐบาลชุดนี้
ฝ่ายค้านในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เดิมพันใหญ่เพื่อแลกอนาคต
พรรคประชาชนเผชิญภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกระหว่าง
- รอครบ 4 เดือนตาม MOA เพื่อแก้รัฐธรรมนูญ
- ยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจทั้งคณะเพื่อความรับผิดชอบทันที
- หรือ “ตัดตอนรายบุคคล” เจาะจงเป้ารัฐมนตรีที่มีปัญหา
ทุกทางคือการเดิมพันสูงสุดที่ต้องเลือกว่าจะยืนอยู่ข้าง “การปฏิรูปเชิงโครงสร้าง” หรือ “การขจัดแผ่นดินเทา” ที่ประชาชนเรียกร้อง
จาก “แผ่นดินทอง” สู่ “แผ่นดินเทา”: วิกฤตศรัทธาในสงครามที่ยังไม่เริ่ม
สงครามสแกมเมอร์ของรัฐบาลอนุทินกำลังสะท้อนปัญหาที่ลึกกว่าการฟอกเงินหรือการพนันออนไลน์ นั่นคือ “ความล้มเหลวในการทำความสะอาดตัวเอง” ของโครงสร้างอำนาจรัฐ เมื่อผู้นำไม่กล้าจัดการกับ “คนเทาในรัฐบาล” ทุกนโยบายจึงกลายเป็นเพียง “พิธีกรรมสร้างภาพ”
อนาคตของรัฐบาลจึงไม่ได้อยู่ที่จำนวนคดีที่จับได้ แต่อยู่ที่คำตอบว่า นายกฯ จะเลือกยืนข้างประเทศหรือข้างพวกพ้อง—เพราะสงครามที่แท้จริง อาจเพิ่งเริ่มต้นในใจของผู้นำเอง.
เรียบเรียง : อมรเดช ชูสุวรรณ บรรณาธิการข่าวการเมือง
ที่มาประกอบเนื้อหา : รายการคมชัดลึก (คลิ๊กชม)


