กางแนวปฏิบัติการเงินวัด หลักเกณฑ์เปิด–ปิดบัญชี รายรับรายจ่าย
กางมติมหาเถรสมาคมมีมติ16/2568 กำหนดหลักเกณฑ์เปิด–ปิดบัญชีธนาคารและการทำบัญชีรายรับ–รายจ่ายวัด บังคับใช้ 1 ต.ค. 2568 ทั่วประเทศ
KEY
POINTS
- กำหนดหลักเกณฑ์การเปิดบัญชีธนาคารในชื่อ "เงินของวัด..." โดยต้องมีผู้มีอำนาจเบิกถอน 3 คน และการถอนเงินต้องใช้ลายเซ็น 2 ใน 3 ซึ่งต้องมีเจ้าอาวาสร่วมลงนามทุกครั้ง
- วัดทุกแห่งต้องจัดทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายเป็นรายเดือนและรายปี พร้อมส่งรายงานสรุปประจำปีให้สำนักงานพระพุทธศาสนาฯ ภายในวันที่ 20 มกราคมของปีถัดไป
- แนวปฏิบัตินี้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2568 โดยเจ้าคณะผู้ปกครองมีหน้าที่กำกับดูแลให้วัดปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด และอาจมีการตรวจสอบจากหน่วยงานภายนอก
มติมหาเถรสมาคม ครั้งที่ 16/2568
เรื่อง: แนวปฏิบัติการเปิด–ปิดบัญชีธนาคารของวัด และการจัดทำบัญชีรายรับ–รายจ่าย มาตรฐานวัด
ที่มาและความเป็นมา
ในการประชุมมหาเถรสมาคม ครั้งที่ 16/2568 วันที่ 20 มิถุนายน 2568 เลขาธิการมหาเถรสมาคม ได้นำเสนอมติสืบเนื่องจากการประชุมครั้งที่ 13/2568 (วันที่ 20 พฤษภาคม 2568) ซึ่งที่ประชุมมีข้อห่วงใยเรื่องการบริหาร ศาสนสมบัติของวัด ให้เป็นไปตามพระธรรมวินัยและพระราชบัญญัติคณะสงฆ์
ที่ประชุมได้มอบหมาย สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จัดทำแนวทางปฏิบัติด้านการเงินการคลังของวัด เพื่อให้ทุกวัดทั่วประเทศมีระบบการจัดการที่โปร่งใส ตรวจสอบได้ และเป็นมาตรฐานเดียวกัน
สาระสำคัญของมติ
1. การเปิดและบริหารบัญชีเงินฝากธนาคาร
เปิดบัญชีได้เฉพาะธนาคารในจังหวัดที่วัดตั้งอยู่
ชื่อบัญชีต้องใช้คำว่า “เงินของวัด...” เท่านั้น ห้ามต่อท้ายด้วยชื่อบุคคล
ผู้มีอำนาจเบิกถอนเงินอย่างน้อย 3 คน ได้แก่
- เจ้าอาวาส (ตามกฎหมายสงฆ์)
- ไวยาวัจกร
- บุคคลที่เจ้าอาวาสเห็นสมควร
การเบิกถอนเงินต้องมีลายเซ็น 2 ใน 3 คนเสมอ และต้องมีเจ้าอาวาสร่วมลงนามทุกครั้ง
- ใช้ใบถอนเงินและสมุดบัญชีของธนาคารเท่านั้น
- สมุดบัญชีเงินฝากของวัดต้องเก็บรักษาไว้ที่วัดในที่ปลอดภัย
2. การจัดทำบัญชีและรายงานการเงิน
วัดทุกวัดต้องจัดทำบัญชีรายรับ–รายจ่าย และบันทึกทุกครั้งที่มีธุรกรรม
สรุปเป็นรายเดือน และรวมทั้งปี (มกราคม–ธันวาคม) ส่งสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด หรือสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ภายในวันที่ 20 มกราคมของปีถัดไป
- รายงานเงินคงเหลือประจำเดือน ต้องทำ ณ วันสิ้นเดือนทุกเดือน
- เอกสารหลักฐานทั้งหมดเก็บที่วัด เพื่อรองรับการตรวจสอบ
- สามารถใช้ ระบบบัญชีมาตรฐานวัด ที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติกำหนดแทนได้
3. ระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ (e-Donation)
ส่งเสริมให้ทุกวัดนำระบบ e-Donation มาใช้ เพื่อความโปร่งใสและตรวจสอบได้
4. หน้าที่กำกับดูแล
- เจ้าคณะผู้ปกครองต้องกำกับ ติดตาม และกำชับเจ้าอาวาสในเขตปกครองให้ปฏิบัติตามมตินี้อย่างเคร่งครัด
- หากไม่ปฏิบัติตาม อาจเข้าข่าย ละเมิดจริยาพระสังฆาธิการ และมีโทษทางวินัย
5. หน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ
- จัดทำแบบฟอร์มบัญชีและรายงานมาตรฐาน
- ให้คำแนะนำแก่ทุกวัด
- ประสานงานกับหน่วยงานตรวจสอบ เช่น สตง., ปปง., สำนักงานตรวจสอบภายในจังหวัด และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อร่วมตรวจสอบบัญชีวัด
การบังคับใช้
มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป
มหาเถรสมาคมมีมติ เห็นชอบตามที่เสนอ และมอบหมายให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ แจ้งไปยังเจ้าคณะจังหวัดทั้งสองนิกาย พร้อมดำเนินการทันทีโดยไม่ต้องรอรับรองรายงานการประชุม
สรุปความหมายของมติ
มตินี้ถือเป็น ก้าวสำคัญของคณะสงฆ์ไทย ในการจัดทำมาตรฐานการเงินวัดให้โปร่งใส เป็นระบบ และตรวจสอบได้ สอดคล้องกับเจตนารมณ์การปกครองคณะสงฆ์และการบริหารศาสนสมบัติ โดยมีการกำกับดูแลจากหน่วยงานภายนอก และเน้นการใช้เทคโนโลยี เช่น e-Donation เพื่อตอบโจทย์สังคมยุคใหม่


