posttoday

กางแนวปฏิบัติการเงินวัด หลักเกณฑ์เปิด–ปิดบัญชี รายรับรายจ่าย

25 สิงหาคม 2568

กางมติมหาเถรสมาคมมีมติ16/2568 กำหนดหลักเกณฑ์เปิด–ปิดบัญชีธนาคารและการทำบัญชีรายรับ–รายจ่ายวัด บังคับใช้ 1 ต.ค. 2568 ทั่วประเทศ

KEY

POINTS

  • กำหนดหลักเกณฑ์การเปิดบัญชีธนาคารในชื่อ "เงินของวัด..." โดยต้องมีผู้มีอำนาจเบิกถอน 3 คน และการถอนเงินต้องใช้ลายเซ็น 2 ใน 3 ซึ่งต้องมีเจ้าอาวาสร่วมลงนามทุกครั้ง
  • วัดทุกแห่งต้องจัดทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายเป็นรายเดือนและรายปี พร้อมส่งรายงานสรุปประจำปีให้สำนักงานพระพุทธศาสนาฯ ภายในวันที่ 20 มกราคมของปีถัดไป
  • แนวปฏิบัตินี้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2568 โดยเจ้าคณะผู้ปกครองมีหน้าที่กำกับดูแลให้วัดปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด และอาจมีการตรวจสอบจากหน่วยงานภายนอก

มติมหาเถรสมาคม ครั้งที่ 16/2568
เรื่อง: แนวปฏิบัติการเปิด–ปิดบัญชีธนาคารของวัด และการจัดทำบัญชีรายรับ–รายจ่าย มาตรฐานวัด

(คลิ๊กอ่านต้นฉบับ)

ที่มาและความเป็นมา

ในการประชุมมหาเถรสมาคม ครั้งที่ 16/2568 วันที่ 20 มิถุนายน 2568 เลขาธิการมหาเถรสมาคม ได้นำเสนอมติสืบเนื่องจากการประชุมครั้งที่ 13/2568 (วันที่ 20 พฤษภาคม 2568) ซึ่งที่ประชุมมีข้อห่วงใยเรื่องการบริหาร ศาสนสมบัติของวัด ให้เป็นไปตามพระธรรมวินัยและพระราชบัญญัติคณะสงฆ์

ที่ประชุมได้มอบหมาย สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จัดทำแนวทางปฏิบัติด้านการเงินการคลังของวัด เพื่อให้ทุกวัดทั่วประเทศมีระบบการจัดการที่โปร่งใส ตรวจสอบได้ และเป็นมาตรฐานเดียวกัน

สาระสำคัญของมติ

1. การเปิดและบริหารบัญชีเงินฝากธนาคาร

เปิดบัญชีได้เฉพาะธนาคารในจังหวัดที่วัดตั้งอยู่

ชื่อบัญชีต้องใช้คำว่า “เงินของวัด...” เท่านั้น ห้ามต่อท้ายด้วยชื่อบุคคล

ผู้มีอำนาจเบิกถอนเงินอย่างน้อย 3 คน ได้แก่

  • เจ้าอาวาส (ตามกฎหมายสงฆ์)
  • ไวยาวัจกร
  • บุคคลที่เจ้าอาวาสเห็นสมควร

การเบิกถอนเงินต้องมีลายเซ็น 2 ใน 3 คนเสมอ และต้องมีเจ้าอาวาสร่วมลงนามทุกครั้ง

  • ใช้ใบถอนเงินและสมุดบัญชีของธนาคารเท่านั้น
  • สมุดบัญชีเงินฝากของวัดต้องเก็บรักษาไว้ที่วัดในที่ปลอดภัย

2. การจัดทำบัญชีและรายงานการเงิน

วัดทุกวัดต้องจัดทำบัญชีรายรับ–รายจ่าย และบันทึกทุกครั้งที่มีธุรกรรม

สรุปเป็นรายเดือน และรวมทั้งปี (มกราคม–ธันวาคม) ส่งสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด หรือสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ภายในวันที่ 20 มกราคมของปีถัดไป

  • รายงานเงินคงเหลือประจำเดือน ต้องทำ ณ วันสิ้นเดือนทุกเดือน
  • เอกสารหลักฐานทั้งหมดเก็บที่วัด เพื่อรองรับการตรวจสอบ
  • สามารถใช้ ระบบบัญชีมาตรฐานวัด ที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติกำหนดแทนได้
     

3. ระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ (e-Donation)

ส่งเสริมให้ทุกวัดนำระบบ e-Donation มาใช้ เพื่อความโปร่งใสและตรวจสอบได้

4. หน้าที่กำกับดูแล

  • เจ้าคณะผู้ปกครองต้องกำกับ ติดตาม และกำชับเจ้าอาวาสในเขตปกครองให้ปฏิบัติตามมตินี้อย่างเคร่งครัด
  • หากไม่ปฏิบัติตาม อาจเข้าข่าย ละเมิดจริยาพระสังฆาธิการ และมีโทษทางวินัย

5. หน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ

  • จัดทำแบบฟอร์มบัญชีและรายงานมาตรฐาน
  • ให้คำแนะนำแก่ทุกวัด
  • ประสานงานกับหน่วยงานตรวจสอบ เช่น สตง., ปปง., สำนักงานตรวจสอบภายในจังหวัด และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อร่วมตรวจสอบบัญชีวัด

การบังคับใช้

มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป

มหาเถรสมาคมมีมติ เห็นชอบตามที่เสนอ และมอบหมายให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ แจ้งไปยังเจ้าคณะจังหวัดทั้งสองนิกาย พร้อมดำเนินการทันทีโดยไม่ต้องรอรับรองรายงานการประชุม

สรุปความหมายของมติ

มตินี้ถือเป็น ก้าวสำคัญของคณะสงฆ์ไทย ในการจัดทำมาตรฐานการเงินวัดให้โปร่งใส เป็นระบบ และตรวจสอบได้ สอดคล้องกับเจตนารมณ์การปกครองคณะสงฆ์และการบริหารศาสนสมบัติ โดยมีการกำกับดูแลจากหน่วยงานภายนอก และเน้นการใช้เทคโนโลยี เช่น e-Donation เพื่อตอบโจทย์สังคมยุคใหม่

ข่าวล่าสุด

กฤษฎีกาตีตก สลากเพื่อการออมL6 ไม่ถูกคืนเงิน ชี้เกินอำนาจสนง.สลากฯ