posttoday

ทวงคืนมหากาฬ

24 เมษายน 2561

นับเป็นเรื่องน่ายินดีอย่างยิ่งที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) กำลังจะได้ป้อมมหากาฬกลับคืนมาจากกลุ่มคนบางจำพวกที่ฉวยโอกาสบุกรุก

โดย...แสงตะเกียง

นับเป็นเรื่องน่ายินดีอย่างยิ่งที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) กำลังจะได้ป้อมมหากาฬกลับคืนมาจากกลุ่มคนบางจำพวกที่ฉวยโอกาสบุกรุก ยึดครองพื้นที่รอบป้อมมหากาฬมายาวนาน โดยอ้างว่าพวกเขาเป็นผู้บำรุงรักษาสถานที่โบราณแห่งนี้ให้คงอยู่

กว่า 25 ปีที่มีผู้ขัดขวางสิทธิเสรีภาพของสังคมส่วนรวม สร้างความเดือดร้อนต่อต้านเจ้าหน้าที่ของรัฐไม่ยอมให้เข้าไปดำเนินการรื้อถอนตามคำพิพากษาของศาลปกครอง หลายครั้งที่ยกพวกมาปิดล้อมเจ้าหน้าที่ไม่ให้เข้าออกป้อม หวิดเกิดเหตุทะเลาะวิวาท เช่นนี้หรือคือความถูกต้อง

ทั้งนี้ การรื้อย้ายสิ่งปลูกสร้างภายในบริเวณป้อมมหากาฬ เขตพระนคร เป็นการคืนพื้นที่ให้ กทม. นำไปปรับปรุงเป็นสวนสาธารณะ โดยกำหนดให้ชุมชนที่รุกล้ำต้องย้ายออกจากพื้นที่ภายในวันที่ 25 เม.ย.นี้ จากนั้น กทม.จะร่วมกับฝ่ายความมั่นคงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงภาคประชาชนเข้ามาปรับภูมิทัศน์ให้เป็นสวนสาธารณะที่ประชาชนทุกคนสามารถเดินเข้ามาศึกษาศิลปะ วัฒนธรรม สถาปัตยกรรมโบราณอันทรงคุณค่าได้อย่างเสรี

ข้อเท็จจริงที่สังคมไม่รู้คือ กลุ่มคนพวกนี้ไม่ได้ดูแลรักษาแต่อย่างใด หากแต่กล่าวอ้างว่าอยู่มานาน ดำรงตามวิถีชีวิตของคนยุคเก่า ทั้งที่คนเหล่านี้ไม่ใช่เจ้าของบ้านตัวจริง เป็นเพียงผู้เช่าบ้านรายเดือน แต่ทึกทักเอาเองว่า กทม.กำลังทำลายวิถีชีวิตโบราณ ขณะที่เจ้าของบ้านตัวจริงได้ยินยอมย้ายออกไปนานหลายปีและรับเงินเยียวยาจากรัฐสมเหตุสมผลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ยิ่งไปกว่านั้นแว่วมาจากแหล่งข่าวระดับสูงใน กทม.ที่รับผิดชอบช่วยเหลือคอยอำนวยความสะดวกให้ผู้อยู่อาศัยย้ายออกจากพื้นที่ว่า มีการเรียกรับเงินค่ารื้อถอนจำนวนถึงหลักล้านบาทต่อการรื้อถอนบ้าน 1 หลัง แน่นอนว่าเรื่องแบบนี้ไม่มีใครยอมให้แน่นอน ส่วนผู้เช่าบ้านบางรายยอมรับว่าต้องประท้วงตามน้ำแกนนำในชุมชน ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นแกะดำ

แน่นอนว่าประวัติศาสตร์ย่อมไม่ถูกลบเลือน เพราะทั้งหมดจะได้รับการถ่ายทอดผ่านสายตาของคนรุ่นใหม่ที่สามารถเดินเข้ามาศึกษาเรียนรู้ประวัติศาสตร์ได้อย่างเต็มที่ ปลอดภัย ไม่ต้องเดินเข้าสู่ชุมชนแออัด ถูกมองตั้งแต่หัวจรดเท้ากลายเป็นคนแปลกหน้าหลงเข้ามาในถิ่น

ดังนั้น ต้องทำความเข้าใจเสียใหม่ว่าการปรับปรุงพื้นที่สาธารณะไม่ใช่การทำลายรากเหง้า หรือทำลายความเป็นคน ในทางกลับกันเป็นการเปิดโอกาสให้คนทุกเพศ ทุกวัย ได้ศึกษา เปิดโอกาสให้หน่วยงานที่รับ
ผิดชอบได้เข้ามาบูรณะอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ เนื่องจากตรวจสอบพบกำแพงทรุดตัว ต้องเร่งซ่อมแซมเป็นการด่วน 

อย่างไรก็ตาม โครงการปรับปรุงภูมิทัศน์บริเวณป้อมมหากาฬและกำแพงเมืองเป็นไปตามแผนแม่บทกรุงรัตนโกสินทร์ มีวัตถุประสงค์อนุรักษ์โบราณสถานประเภทป้อม จัดสรรงบประมาณดำเนินการในปี 
2561 จำนวนกว่า 60 ล้านบาท อยู่ระหว่างหาผู้รับจ้าง ซึ่งจะทำควบคู่ไปกับการบูรณะซ่อมบำรุงบ้านโบราณ กำแพงป้อมที่ทรุดโทรม โดยอยู่ในการดูแลของกรมศิลปากร ใช้เทคนิควิธีที่ถูกต้องเพื่อไม่ให้ความ
เสียหายบานปลาย

ส่วนการจัดทำสวนภายในจะปรับให้เหมาะสมผ่านกระบวนการพิจารณาของคณะกรรมการเกาะรัตนโกสินทร์ คาดว่าใช้เวลา 1 ปีจะแล้วเสร็จทั้งหมด

นับว่าเป็นชัยชนะของคน กทม. ที่สามารถทวงคืนป้อมมหากาฬกลับมาได้ เพราะมรดกสำคัญแห่งนี้ไม่ควรถูกยึดครองโดยคนบางกลุ่ม แต่เป็นมรดกชาติที่ต้องตกเป็นของลูกหลานสืบต่อไป