posttoday

ค่อยล้มลุกคลุกคลานไป

24 มกราคม 2562

ทุกอย่างก็คงหมดข้อสงสัย เดินหน้าสู่การเลือกตั้ง พระราชกฤษฎีกา

เรื่อง ณ กาฬ เลาหะวิไลย

ทุกอย่างก็คงหมดข้อสงสัย เดินหน้าสู่การเลือกตั้ง พระราชกฤษฎีกาเลือกตั้ง สส.ประกาศใช้

จะเป็นอย่างไรก็โน้น หลังการเลือกตั้งค่อยมาว่ากันอีกครั้ง

อะไรๆ ก็คงต้องไปนับมือกัน นั่นคือจำนวน สส.ที่แต่ละพรรคจะได้รับการเลือกเข้ามา จากจำนวน สส. 500 คน

พรรคไหนได้ สส.มาก ก็ใช่ว่าจะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล แต่อยู่ที่การจับขั้ว หาจำนวน สส.มากกว่า

และทั้งหมดยังไม่นับจำนวน สว.อีก 250 เสียง ที่จะมีสิทธิเลือกนายกฯ ด้วย

นั่นหมายความว่า จำนวนเสียง สส.และสว.ต้องมีรวมกัน 376 เสียงขึ้นไป เกินกึ่งหนึ่งของจำนวนเสียงทั้งหมด 750 เสียง ถึงมีสิทธิเป็นนายกฯ
จัดตั้งรัฐบาล

ผลจากรัฐธรรมนูญ และกฎหมายอื่นๆ จึงไม่ยากที่จะประเมินว่า หลังการเลือกตั้ง สถานการณ์ทางการเมืองก็คงไม่สงบนัก

เสถียรภาพรัฐบาลจะเป็นสิ่งเปราะบาง

ทั้งหมดมาจากองค์ประกอบที่จะมีพรรคร่วมรัฐบาลหลากหลายพรรค ทั้งจากองค์ประกอบของ สว. รวมถึงเงื่อนไขต่างๆ ที่กำหนดออกมาอย่างมากมาย

แม้เสถียรภาพรัฐบาลจะมีปัญหา แต่สิ่งที่จะได้รับกลับมาคือเสถียรภาพของบ้านเมือง

สภาพความแตกแยกความคิดทางการเมือง การเกิดม็อบเผาเมือง การที่รัฐบาลไม่มีความสามารถในการควบคุมความสงบเรียบร้อย จะเกิดขึ้นได้ยาก

จะสงบกว่าเดิม...ว่าอย่างนั้นก็คงไม่ผิด

แต่ปัญหาจะไปอยู่ที่สภาพทางการเมือง ที่จะวุ่นวาย ชุลมุน

ใครเป็นรัฐบาลก็เหนื่อย ไม่ว่าฝ่ายไหน

สิ่งเหล่านี้จึงเป็นคำถามที่ต้องช่วยกันตอบว่าดีกว่าเดิมหรือไม่

เหมือนกับย้อนเวลากลับไปในอดีตก่อนรัฐธรรมนูญปี 2540 บังคับใช้

นักการเมืองจะมีฤทธิ์มีเดช ไม่ว่าจะเป็นพรรคการเมืองขนาดกลาง ขนาดเล็ก ก็มีสิทธิ มีเสียง

มายาคติทางการเมืองที่ว่า พรรคการเมืองจำเป็นต้องใหญ่ และมีพรรคการเมืองที่จำกัดไม่กี่พรรคก็พอ จะหดหายไป

ที่ต้องเดินกันมาถึงจุดนี้ ก็เนื่องจากปัญหาในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ที่เมื่อการเมืองมีเสถียรภาพเกินไป ก็เกิดการผูกขาดอำนาจ เกิดสารพัดการทุจริตเชิงนโยบาย เกิดการแทรกแซงองค์กรอิสระ เกิดการเคลื่อนไหวสารพัดรูปแบบต่อสู้เพื่อแย่งชิงอำนาจ

สุดท้ายก็ต้องมาเริ่มต้นกันใหม่ ถอยไปตั้งหลักกันไกล แม้ว่าโลกจะเปลี่ยนไปมากมาย ระบบเศรษฐกิจเข้าสู่ยุคใหม่ แต่ระบบการเมืองของเราต้องหยุดถอยมาตั้งหลัก

เป็นทางเลือกที่ว่า จะเอาเสถียรภาพทางการเมือง หรือเอาเสถียรภาพของประเทศ

แต่เอาล่ะ เมื่อเป็นอย่างนี้ก็ต้องว่ากันไป ไปช้าก็ยังดีกว่าไม่ก้าวเสียเลย

เพราะเคยอยากจะวิ่งกัน แต่ดันแหกโค้งลงเหวเสียนี่

จะโทษใครก็คงไม่ถนัดปากกันนัก