posttoday

น้ำมัน...อเมริกันกินรวบ

13 กันยายน 2561

น้ำมันโลกกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น และสหรัฐที่เป็นผู้ผลิตน้ำมันดิบรายใหญ่ที่สุดของโลกจึงเป็นประเทศที่ได้ประโยชน์ไปมากสุด

โดย..ณ กาฬ เลาหะวิไลย

น้ำมันโลกกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น และสหรัฐกลายเป็นประเทศที่ได้ประโยชน์ไปมากสุด

ข้อมูลจาก สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) คาดการณ์ว่า การผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มปริมาณขึ้นเรื่อยๆ และมีแนวโน้มจะผลิตได้มากกว่ารัสเซียและซาอุดิอาระเบียไปจนถึงปี 2562

สหรัฐจึงกลายเป็นผู้ผลิตน้ำมันดิบรายใหญ่ที่สุดของโลกไปเรียบร้อย

ในเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา การผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐเฉลี่ยอยู่ที่ 10.9 ล้านบาร์เรล/วัน เพิ่มขึ้น 1.2 แสนบาร์เรล/วัน จากเดือน มิ.ย.

นอกจากนั้นในปี 2561 การผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐจะเฉลี่ยอยู่ที่ 10.7 ล้านบาร์เรล/วัน และมีแนวโน้มจะผลิตได้เฉลี่ย 11.5 ล้านบาร์เรล/วัน ในปี 2562

การเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ตั้งแต่เดือน ก.พ.ที่ผ่านมา สหรัฐผลิตน้ำมันแซงหน้าซาอุดิอาระเบียเป็นครั้งแรกในช่วงกว่า 2 ทศวรรษ และในเดือน ส.ค. ผลิตแซงหน้ารัสเซียเป็นครั้งแรกนับแต่ปี 2542

ที่ผ่านมา รัสเซีย-ซาอุฯ และสหรัฐ คือ 3 ผู้นำในการผลิตน้ำมันของโลก แต่สหรัฐกลับมาแซงโค้ง เนื่องจากตั้งแต่ต้นปีราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้อุตสาหกรรมการผลิตน้ำมันจากชั้นหินดินดาน หรือ Shale Oil กลับมาฟื้นตัว

ขณะเดียวกัน บรรดาชาติที่ผลิตน้ำมันทั้งในกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) อย่างซาอุดิอาระเบีย และประเทศที่อยู่นอกกลุ่มโอเปก อย่าง รัสเซีย ถูกจำกัดการผลิตภายใต้ข้อตกลงร่วม ซึ่งจะลดกำลังการผลิตลงไปจนถึงสิ้นปี 2561

ทั้งหมดเป็นช่องว่างให้สหรัฐที่ไม่มีข้อตกลงใดๆ ผูกมัดผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้น

และโอกาสทองของสหรัฐยังไม่หมดแค่นั้น โดยนักวิเคราะห์คาดว่าในช่วงปลายปีราคาน้ำมันดิบมีโอกาสไปยืนอยู่เหนือ 100 ดอลลาร์/บาร์เรล ได้ง่ายๆ

เหตุผลมาจากสหรัฐประกาศคว่ำบาตรอิหร่าน ซึ่งจะมีผลใช้บังคับในเดือน พ.ย.

ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ตัดสินใจถอนตัวออกจากข้อตกลงนานาชาติว่าด้วยเรื่องการลดขนาดโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน พร้อมกับประกาศคว่ำบาตรภาคการเงิน อุตสาหกรรมรถยนต์และโลหะ ธุรกิจการบิน รวมถึงการค้าน้ำมันของอิหร่าน

เส้นตายคือในวันที่ 4 พ.ย. ประเทศต่างๆ หยุดซื้อหรือนำเข้าน้ำมันจากอิหร่านโดยสิ้นเชิง

หากใครต้องการค้าขายกับสหรัฐก็ต้องเลิกค้าขายกับอิหร่าน แต่ถ้าจะค้าขายกับอิหร่านก็จะโดนคว่ำบาตร

อิหร่านเป็นผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ของโลก จึงยากที่ประเทศผู้ผลิตรายอื่นจะสามารถเพิ่มการผลิตเพื่อมาชดเชยส่วนที่ขาดหายไป

เท่าที่ประเมิน ถ้าไม่มีการคว่ำบาตร ราคาน้ำมันคงจะไหลลงไปถึง 70 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือต่ำกว่านั้น

ความปั่นป่วนวุ่นวายในโลกที่กระทบราคาน้ำมัน จึงเกิดจากสหรัฐ

และสุดท้ายอเมริกาก็กลับมากินรวบ