posttoday

โลกแตกเป็นเสี่ยงๆ

17 สิงหาคม 2561

โลกกำลังแตกเป็นฝักเป็นฝ่ายอย่างชัดเจน เป็นฝีมือของ โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา

โดย..ณ กาฬ เลาหะวิไลย

โลกกำลังแตกเป็นฝักเป็นฝ่ายอย่างชัดเจน โดยต้องยกให้เป็นฝีมือประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา

นับตั้งแต่ทรัมป์ขึ้นมาดำรงตำแหน่ง ก็เที่ยวทุบ ถอง ชาวบ้าน เรียกว่าไม่เว้นวาย

ในทางตรง เหมือนกับสหรัฐมีปัญหากับชาติอื่นๆ ไม่ซ้ำกัน แต่ผลทางอ้อมที่เกิดขึ้นคือการจับกลุ่มประเทศต่างๆ เพื่อต่อรองกับสหรัฐ

เหมือนคนตัวเล็กกว่า ต่อยกับคนตัวใหญ่ เห็นทีสู้ไม่ไหว เลยต้องไปจับกันมาเป็นกลุ่ม รุมสู้

ที่เห็นกันหมาดๆ คือ การที่สหรัฐขู่จะขึ้นภาษีเหล็ก อะลูมิเนียม ที่นำเข้าจากตุรกี จนทำให้ค่าเงินลีราของตุรกีตกฮวบ กระทบไปถึงความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ ขนาดประมาณว่า จะลามกลายเป็นวิกฤตเศรษฐกิจขนาดนั้น

ตุรกีโดนถลุงอยู่หลายวัน ก็ปรากฏมีชาติที่เป็นมิตรกระโดดเข้ามาช่วยเหลือ

ออกตัวชัดเจนคือ กาตาร์ ประกาศสนับสนุนตุรกีด้วยเงินลงทุน 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์

ผลคือทำให้เงินลีราปรับตัวแข็งขึ้น

แม้ว่าจำนวนเงินที่ช่วยเหลือ ยังไม่มากเท่ากับหนี้ระยะสั้นที่มีอยู่ แต่แสดงให้เห็นว่า ตุรกี ไม่ใช่ตะเกียงที่ขาดน้ำมัน

และทั้งหมดจะยิ่งทำให้ปัญหาในโลกเพิ่มขึ้น ไม่เพียงในแง่เศรษฐกิจ แต่จะยิ่งกินแดนถึงการเมือง

ก่อนหน้านี้ เมื่อปี 2560 ตุรกี ประกาศพร้อมจะส่งเครื่องบินรบ และเรือรบไปยังฐานทัพของตุรกีในกาตาร์ หลังจากที่มีการส่งทหารเข้าประจำการในฐานทัพดังกล่าว เพื่อสนับสนุนกาตาร์ที่ถูกหลายชาติอาหรับตัดสัมพันธ์ทางการทูต

ช่วงนั้น ซาอุดิอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ บาห์เรน อียิปต์ เยเมน ลิเบีย และมัลดีฟส์ ได้ประกาศตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกับกาตาร์ ห้ามมีการค้าขาย ส่งสินค้าเข้าไปในกาตาร์

ผลตามมาคือทำให้กาตาร์เหมือนถูกล้อมกรอบ ดินแดนของตัวเองถูกประเทศต่างๆ ที่คว่ำบาตรล้อมอยู่หมด

แต่ ตุรกี-อิหร่าน เป็นชาติที่ช่วยเหลือกาตาร์ โดยพร้อมจะส่งน้ำ อาหาร ให้กับกาตาร์โดยทางอากาศ ไม่ต้องผ่านพรมแดนของบรรดาชาติที่ประกาศคว่ำบาตร

ปรากฏการณ์ในปัจจุบัน จึงดูเหมือนยิ่งมีแรงผลักดันให้เกิดการรวมกลุ่มประเทศต่างๆ ช่วยเหลือกัน เดินตามกัน ร่วมหัวจมท้ายกันมากยิ่งขึ้น

สภาพเช่นนี้ไม่ค่อยเป็นผลดีต่อเสถียรภาพทางการเมืองโลก ดูได้จากประวัติศาสตร์ เมื่อมีการรวมกลุ่มชาติต่างๆ มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะถ้าเกี่ยวพันกับเศรษฐกิจ และการเมือง สุดท้ายอาจบานปลายกลายเป็นสงครามน้อยใหญ่อย่างไม่คาดฝัน

ยิ่งเฉพาะถ้ามีชาติมหาอำนาจเข้าไปเกี่ยวข้อง หรืออยู่ในกลุ่มเหล่านี้ด้วย ยิ่งจะไปกันใหญ่

ความไม่สงบ จนก่อให้เกิดการรวมกลุ่มแบบนี้ จึงต้องยกให้เป็นฝีมือของทรัมป์ ที่เป็นเหมือนนักเลงโตไล่ทุบคนอื่น จนทำให้ต้องจับมือกันสู้มากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ

หรือเป็นว่า การสร้างความร้าวฉาน คืองานของเขาจริงๆ