posttoday

ไม่ได้รับเชิญอีกแล้ว

20 กรกฎาคม 2561

เห็นแล้วคงต้องได้แต่ขำ เมื่อแอมเนสตี้ส่งจดหมายเปิดผนึกถึงทางการไทย

โดย...ณ กาฬ เลาหะวิไลย

เห็นแล้วคงต้องได้แต่ขำ เมื่อแอมเนสตี้ส่งจดหมายเปิดผนึกถึงทางการไทย ทำข้อตกลงชั่วคราวพักใช้การประหารชีวิตและมีมาตรการเพิ่มเติมเพื่อขจัดโทษประหารชีวิตออกจากกฎหมายในความผิดทุกประเภท

จดหมายดังกล่าวมาไกลจากสำนักเลขาธิการใหญ่แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ณ กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร ส่งจดหมายเปิดผนึกถึง พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รมว.ยุติธรรม

เหตุผลการส่งจดหมายเพื่อกระตุ้นให้ทางการไทยจัดทำข้อตกลงชั่วคราว เพื่อพักใช้การประหารชีวิตอย่างเร่งด่วน และมีมาตรการเพิ่มเติมเพื่อขจัดโทษประหารชีวิตออกจากกฎหมายไทยสำหรับความผิดทุกประเภท

แคทเธอรีน เกอร์สัน เจ้าหน้าที่ฝ่ายรณรงค์ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวในโอกาสครบรอบ 1 เดือนหลังจากมีการประหารชีวิตเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 9 ปี โดยต้องการให้ทางการไทยต้องตระหนัก โทษประหารชีวิตไม่ควรเป็นส่วนหนึ่งของระบบยุติธรรมทางอาญาและต้องยุติแผนการที่จะใช้การประหารชีวิตอีก

จดหมายเปิดผนึกที่ว่าจึงต้องการเรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกโทษประหารชีวิต หลังมีการประหารนักโทษด้วยการฉีดยา เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. 2561 นับเป็นการประหารชีวิตครั้งแรกตั้งแต่เดือน ส.ค. 2552

ความต้องการของแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล  ระบุว่า ไม่ว่าจะเป็นความผิดแบบใด ไม่ว่าจะเป็นนักโทษคนไหน หรือไม่ว่าจะใช้วิธีประหารชีวิตแบบใด ไม่มีเหตุผลใดที่สร้างความชอบธรรมในการใช้โทษประหารชีวิต ไม่ควรเป็นส่วนหนึ่งของระบบยุติธรรมทางอาญา

รัฐบาลไทยต้องยืนยันพันธกิจของตนที่มีต่อสิทธิมนุษยชน โดยการทำข้อตกลงชั่วคราวเพื่อพักใช้การประหารชีวิตโดยทันที ซึ่งถือเป็นก้าวย่างแรกที่นำไปสู่การยกเลิกโทษประหารชีวิตในที่สุด

ในความเห็นขององค์กรนี้  โทษประหารชีวิตไม่ได้ส่งผลให้มีการยับยั้งการกระทำความผิด และไม่ได้เป็นการแก้ปัญหาอย่างถาวรสำหรับญาติของผู้ที่ตกเป็นเหยื่ออาชญากรรม โทษประหารชีวิตไม่ได้เป็นทางออกใดๆ เลย

ทั้งหมดคือสิ่งที่องค์กรแอมเนสตี้ ส่งจดหมายมา

คำถามก็คือใครเป็นคนเชิญ ใครเป็นคนขอความเห็นหรือเปล่า

คำตอบก็คือ เปล่าเลย

จู่ๆ องค์กรนี้ก็ส่งจดหมายมา หลังจากมีการเคลื่อนไหวในลักษณะที่มองแล้วคล้ายๆ กับมีปัญหาด้านความคิด หรือสติโดนกระทบกระเทือนอย่างไรอย่างนั้น

เพราะการเคลื่อนไหว การส่งจดหมาย เป็นการกระทำฝ่ายเดียว โดยไม่มองไปถึงความเห็นของคนอื่น

เรียกว่าเอาแต่ใจพวกกู ความคิดของพวกกูเป็นใหญ่ก็คงไม่ผิด

คงจำกันได้ว่าภายหลังโทษประหาร ก็มีการปลุกกระแสกันใหญ่โต สุดท้ายก็มีการทำสำรวจความเห็นของคนไทยเกี่ยวกับโทษประหารจากหลายสำนัก

ทุกสำนักมีผลออกมาตรงกันคือคนส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการประหาร เหลือแต่องค์กรฝรั่งตาน้ำข้าวที่มีเบื้องหน้าเบื้องหลังมาตั้งแต่อดีตนี่แหละที่ไม่เลิก

ไม่ได้รับเชิญ ก็อย่ายุ่งกับประเทศคนอื่นเลย