เครื่องชี้ชะตาเศรษฐกิจ
ค่อยหายใจหายคอโล่งอกหน่อย เมื่อสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน หรือเอ็นบีเอส เปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจของจีนโดยจีดีพีไตรมาส 2 อยู่ที่ 6.7%
โดย...ณ กาฬ เลาหะวิไลย
ค่อยหายใจหายคอโล่งอกหน่อย เมื่อสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน หรือเอ็นบีเอส เปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจของจีนโดยจีดีพีไตรมาส 2 อยู่ที่ 6.7%
ตัวเลขดังกล่าวแม้จะชะลอตัวจากไตรมาสก่อนเล็กน้อยอยู่ที่ 6.8% แต่ก็ยังถือว่าดี
ขณะที่ตัวเลขจีดีพีครึ่งปีแรกของจีนนั้นอยู่ที่ 6.8% แตะที่ระดับ 41.90 ล้านล้านหยวน นับเป็นตัวเลขที่สูงกว่าที่รัฐบาลตั้งเป้าไว้อยู่ที่ 6.5%
เศรษฐกิจจีน ถือเป็นตัวแปรสำคัญสำหรับชี้ภาวะเศรษฐกิจโลกไปแล้ว
ทั้งนี้ มีการจับจ้องและประเมินว่า หากเศรษฐกิจจีนเติบโตต่ำกว่า 6% จะเกิดปัญหาตามมาบานตะเกียง
สาเหตุสำคัญเนื่องจากในช่วงที่ผ่านมา จีนใช้ต้นทุนมากมายทำให้เศรษฐกิจเติบโตในระดับ 2 หลัก หรือเติบโตเกินกว่า 10%
อัตราการเติบโตที่ว่าแลกมาด้วยสารพัดปัญหา ไม่ว่าจะเป็นปัญหาสิ่งแวดล้อม และหนี้สินที่ฝังตัวอยู่ในรัฐบาลกลาง รัฐบาลท้องถิ่น บริษัทลูกหลานของรัฐวิสาหกิจ ฯลฯ
สิ่งที่จีนจำเป็นต้องแก้ไข คือ การปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจ เปลี่ยนจากประเทศที่ผลิตจำนวนมากๆ เพื่อการส่งออก เป็นการผลิตที่คล้ายโรงงานของโลก ก็ต้องปรับปรุงเป็นการผลิตด้วยเทคโนโลยี เพิ่มมูลค่าสินค้า
แต่การปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจไม่ใช่เรื่องง่าย จำเป็นต้องใช้ระยะเวลานับทศวรรษ หรือหลายทศวรรษ
ช่วงแห่งการปรับเปลี่ยนนี้เอง จีนจำเป็นต้องประคับประคองเศรษฐกิจให้มีอัตราการเติบโตที่พอจะรองรับสถานการณ์ต่างๆ ได้
และตัวเลขที่ว่าก็คือเศรษฐกิจควรจะต้องเติบโตระดับ 6% เป็นอย่างต่ำ ถึงทำให้การเปลี่ยนแปลงผ่านพ้นไปอย่างราบรื่น
จากตัวเลขเศรษฐกิจที่เพิ่งประกาศมา ในช่วง 6 เดือนแรก เศรษฐกิจจีนเริ่มมีเสถียรภาพ โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติจีนระบุว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับการพัฒนาปรับปรุงโครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศ
ภาคบริการของจีนในช่วงครึ่งปีแรกนั้นขยายตัว 6.7% ภาคอุตสาหกรรมขั้นพื้นฐานขยายตัว 3.2% และภาคอุตสาหกรรมขั้นทุติยภูมิขยายตัว 6.2%
ขณะที่การค้าปลีกช่วงครึ่งปีแรกสูงขึ้นอยู่ที่ 9.4% เมื่อเทียบเป็นรายปี แต่ลดลง 0.4% จากไตรมาสแรกของปีนี้
ทั้งหมดแสดงให้เห็นโครงสร้างทางเศรษฐกิจของจีนที่ปรับตัวไม่พึ่งพาการผลิตแบบเดิม โดยเปลี่ยนไปสู่อุตสาหกรรมที่เพิ่มมูลค่า ไปสู่การจับจ่ายใช้สอยของประชาชน
ในระยะต่อไป การรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของพญามังกร จึงไม่ใช่เรื่องเฉพาะตัวเท่านั้น แต่ยังมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั้งโลก รวมถึงประเทศไทย
สิ่งที่ต้องจับตากันให้ดี จึงอยู่ที่ถ้าจีนยังรักษาอัตราการเติบโตระดับ 6% ได้ในช่วงระยะเวลาต่อจากนี้ และจากนั้นแม้ปีถัดๆ ไปอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจจะค่อยลดต่ำลง แต่ก็ยังอยู่ในสถานะที่พออุ่นใจ
ในทำนองกลับกัน ถ้าเศรษฐกิจจีนเกิดลดฮวบฮาบต่ำมาจากเส้นสีแดงที่ขีดเอาไว้ ผลกระทบที่ตามมาไม่อยากจะคาดเดาจริงๆ
ถึงขั้นต้องบอกว่างานนี้ เห็นทีจะดูไม่จืด