posttoday

ศึกหนี้ใหญ่หลวงนัก

12 กรกฎาคม 2560

ดูเหมือนว่าเศรษฐกิจกำลังเจอปัญหาใหญ่คือการขาดกำลังซื้อในระบบ

โดย... ณ กาฬ เลาหะวิไลย

ดูเหมือนว่าเศรษฐกิจกำลังเจอปัญหาใหญ่คือการขาดกำลังซื้อในระบบ

แม้ว่าอัตราการเติบโตจะทำท่าขยับขึ้นกว่าเดิม แต่ทว่ากำลังซื้อยังคงเงียบเหงา

หลายคนมองว่าทั้งหมดเกิดจากกับดักหนี้สิน ทำให้กำลังซื้อหดหายไป

ในระยะเวลา 7 ปี ตั้งแต่ปี 2552-2559 จำนวนหนี้ครัวเรือนต่อประชากรเพิ่มขึ้นถึง 92% จากครัวเรือนละ 69,182 บาท ก็เพิ่มเป็น 132,931 บาท

ภาวะเช่นนี้จึงทำให้เงินขาดมือ หมุนไม่ออก เพราะหนี้เก่าก็เพิ่มมากขึ้น และลูกหนี้รายใหม่ก็เพิ่มจำนวนไม่หยุด

ในแต่ละช่วงคนก็สร้างหนี้สินเพิ่มขึ้นไม่ซ้ำแบบกัน อาทิ ปี 2552-2554 หนี้สินจากสินเชื่อส่วนบุคคล เติบโตสูงสุดเมื่อเทียบกับหนี้สินอื่นๆ

ถัดมาที่ช่วงปี 2554-2556 สินเชื่อรถยนต์ ขยับพรวดพราดจากนโยบายรถ คันแรก และส่วนใหญ่เป็นหนี้ที่ก่อขึ้นใหม่

และสุดท้ายในช่วงปี 2556-2558 สินเชื่อบ้าน วิ่งขึ้นแซงทางโค้งเติบโตสูงสุด จากนโยบายบ้านหลังแรก

การเติบโตของหนี้กลุ่มใหญ่สุดคืออายุ 25-35 ปี โดยในกรุงเทพฯ และปริมณฑลเป็นพื้นที่ซึ่งมีผู้เป็นหนี้มากสุด ขณะที่ในภาคอีสานหนี้ต่อครัวเรือนจะมีมากสุด

ท้้งหมดทำให้กำลังซื้อหายไป เพราะเมื่อเป็นหนี้สินแล้ว สิ่งที่แน่นอนก็คือดอกเบี้ยกับเงินต้นที่ต้องชดใช้ แต่สิ่งที่ไม่แน่นอนคือรายได้ กับรายจ่ายที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่มีการวิเคราะห์ว่า หากเศรษฐกิจติดหล่มอีกครั้ง จะแก้ไขได้ยาก เพราะกลุ่มคนที่ได้รับผลกระทบคือคนชั้นกลางลงไป รวมไปถึงธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก จากปัญหาหนี้สิน

ยิ่งเฉพาะในยุคนี้ที่เทคโนโลยีเข้ามาแทนที่ในธุรกิจมากมาย ทำให้การจ้างงานลดน้อยลง หรือรายได้จากการจ้างงานลดต่ำลง ปัญหาหนี้ของคนชั้นกลางก็ยิ่งแก้ได้ยากลำบาก

แม้กระทั่งในภาคเกษตรกรเองก็มีปัญหาหนี้ จากภาวะราคาสินค้าที่ตกต่ำมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะราคาข้าว และรวมไปถึงวิถีชีวิตของเกษตรกรที่เปลี่ยนแปลงไป จึงทำให้ด้านรายจ่ายมีตัวเลขที่เพิ่มขึ้น
สวนทางกับรายได้ที่ลดต่ำลง บรรทัดสุดท้ายที่ตามมาก็คือหนี้สิน

ดังนั้น แม้ตัวเลขภาพรวมเศรษฐกิจจะขยายตัวขึ้น แต่ความมั่งคั่งก็ไม่ได้กระจายลงมา ปัญหารากฐานคือหนี้สินยังคงอยู่ กระทบไปถึงกำลังซื้อที่หดหาย

ญี่ปุ่นประสบปัญหากำลังซื้อหดหาย เนื่องจากประชาชนมีเงินออมมากมาย กลับไม่ยอมใช้จ่าย แต่เรากำลังเผชิญปัญหากำลังซื้อหดหายเช่นกัน ทว่าเกิดจากปัญหาหนี้ จนไม่มีปัญญาใช้จ่ายต่างหาก

ขณะเดียวกัน ญี่ปุ่นใช้เวลานับทศวรรษก็ยังแก้ปัญหาเศรษฐกิจจากกำลังซื้อหดหายไม่ได้ จึงน่าวิตกว่าเราจะต้องใช้เวลานานเท่าใดถึงจะแก้ปัญหาจากภาระหนี้

ศึกหนี้สินจึงเป็นเรื่องใหญ่ คล้ายเป็นระเบิดเวลาที่ฝังอยู่

และต้องใช้เวลานานอีกเท่าใดไม่รู้กว่าจะถอดสลักได้สำเร็จ