posttoday

ยุคแห่งการเอาคืน

16 พฤษภาคม 2560

สงครามฝิ่นเมื่อครั้งอดีต ระหว่างจีนกับอังกฤษ ทำให้ฮ่องกงตกเป็นของอังกฤษถึง 99 ปี

โดย...ณ กาฬ เลาหะวิไลย

สงครามฝิ่นเมื่อครั้งอดีต ระหว่างจีนกับอังกฤษ ทำให้ฮ่องกงตกเป็นของอังกฤษถึง 99 ปี โดยได้มีการเปลี่ยนถ่ายคืนฮ่องกงสู่แผ่นดินแม่เมื่อปี 2540

เป็นประวัติศาสตร์ที่แสดงถึงพฤติกรรมมหาอำนาจ ในการใช้กำลังกดขี่ ข่มเหง ล่าเมืองขึ้น

แต่ยุคปัจจุบันดูเหมือนว่า มีการเอาคืน ชนิดที่น่าประหลาดใจ โดยจีนเข้าไปยึดดินแดนของอังกฤษ ราวกับเป็นการตอบโต้กับสิ่งที่เคยเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์

การยึดคืนของจีน ไม่ใช้ปืน หรือกำลัง แต่ใช้อำนาจทางเศรษฐกิจ นั่นคือการใช้เงิน

ทุนจีนเข้าไปซื้ออสังหาริมทรัพย์มากมาย และเป็นการยึดชนิดยาวนาน แบบอารยะไม่ต้องใช้วิธีป่าเถื่อน

อย่างล่าสุดคือ การที่กลุ่มได๋ กรุ๊ป ของจีนเข้าไปซื้อหุ้น สโมสรฟุตบอล เรดดิ้ง ของอังกฤษ เป็นจำนวน 75% ในวงเงิน 30 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 1,300 ล้านบาทเป็นที่เรียบร้อย โดยซื้อมาจาก กลุ่ม
ศรีวิกรม์
ของไทย

เท่ากับว่าทรัพย์สิน ที่ดิน สนามแข่งขัน ฯลฯ ของสโมสรเรดดิ้ง ตกเป็นของได๋ กรุ๊ป ไปเรียบร้อย

ก่อนหน้านี้ก็เคยมีทุนจีนเข้าไปซื้อสโมสรฟุตบอลของอังกฤษ อาทิ สโมสรแอสตัน วิลลา ขายทีมให้กับ โทนี่ เชี่ย นักธุรกิจชาวจีนมูลค่าประมาณ 60 ล้านปอนด์ หรือราวๆ 2,700 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา

ไม่เพียงแต่สโมสรฟุตบอลเท่านั้น แต่อสังหาริมทรัพย์อื่นๆ ทุนจากแดนมังกรก็เข้าไปจับจองอย่างมากมาย

ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา นักลงทุนชาวจีนเป็นกลุ่มต่างชาติที่เข้าไปลงทุนในอสังหาฯ ของอังกฤษมากที่สุด โดยได้ซื้อเกือบทุกอย่างตั้งแต่บ้านที่อยู่อาศัยที่หรูหราราคาแพงไปจนถึงทรัพย์สินอาคารเชิงพาณิชย์ที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันในอังกฤษ ทรัพย์สินส่วนใหญ่ที่คนจีนชอบซื้อจะอยู่รอบๆ กรุงลอนดอนและเมืองแมนเชสเตอร์

ยิ่งเฉพาะหลังจากอังกฤษลงประชามติถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป หรือเบร็กซิต เมื่อปีที่แล้ว และทำให้ค่าเงินปอนด์ตกต่ำลง ยิ่งเป็นแรงจูงใจให้นักลงทุนชาวจีนเข้าไปซื้อทรัพย์สินเหล่านี้ เนื่องจากมีราคาถูกลงกว่าเดิมมาก

นอกจากนั้น ราคาอสังหาริมทรัพย์ในอังกฤษก็อ่อนตัวลงด้วยเช่นกันทำให้เพิ่มแรงซื้อเข้ามาในตลาด

ในปีที่ผ่านมา มูลค่าการลงทุนซื้ออสังหาริมทรัพย์ในอังกฤษของนักลงทุนต่างชาติมีสัดส่วนคิดเป็น 51% ของมูลค่าการลงทุนทั้งหมด เพิ่มขึ้นจาก 48% ในปี 2558 ปัจจัยหลักๆ มาจากการอ่อนค่าของเงินปอนด์

กลุ่มนักลงทุนที่สำคัญจากเอเชียแปซิฟิกปรับเพิ่มขึ้นจาก 17% ในปี 2558 เป็น 28% ในปี 2559 นักลงทุนจากยุโรปไม่รวมอังกฤษ เพิ่มขึ้นจาก 14% เป็น 23% ส่วนนักทุนจากภูมิภาคอเมริกา ซึ่งหลักๆ คือสหรัฐ มีสัดส่วนลดลงจาก 32% เหลือ 17%

ยุคสมัยนี้ การบุกยึดอาจไม่จำเป็นต้องใช้กำลัง

แต่เงินและความมั่งคั่ง ทำให้เกิดการเอาคืนอย่างที่เห็น