posttoday

สูตรเห็นแก่ตัว

21 กันยายน 2558

ไม่มีงาช้างงอกออกจากปากสุนัขฉันใดย่อมไม่มีทางที่นักการเมืองระดับโคลนตมจะคิดเรื่องปฏิรูปประเทศ

โดย...อสนีบาต

ระหว่างสูตร 6+4+6+4  บวกรวมเท่ากับ 20 เดือน หรือเกือบจะสองปี ของ วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี  กับสูตร 3+3+3+2 เท่ากับ 11 เดือนหรือไม่ถึงปี ของนักการเมืองผูกขาดประชาธิปไตยด้วยการเอ่ยอ้างระยะเวลาเท่านี้เพียงพอแล้วต่อการร่างรัฐธรรมนูญ

ย่อมสะท้อนภูมิปัญญาแต่ละฝ่ายว่าฝ่ายใดอยู่บนฐานความเป็นไปได้ โดยตระหนักถึงความรับผิดชอบต่อบ้านเมืองมากกว่ากัน

ดูเหมือนฝ่ายหลังแสดงออกให้เห็นถึงความกระหายอยากทางอำนาจ โดยไม่คำนึงถึงเหตุปัจจัยแวดล้อม

จึงทำให้วิษณุ  มือกฎหมายชั้นเซียน ต้องออกมาพูดอีกครั้ง นั่นล่ะท่าน "คนที่เสนอสูตรแบบนี้ได้นับระยะเวลาการนำร่าง รธน.ขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายลงพระปรมาภิไธยและประกาศลงราชกิจจานุเบกษาหรือยัง"

มิพักมองถึงสถานการณ์ความขัดแย้ง ซึ่งนักการเมืองเคยกระทำย่ำยีเอาไว้ ผ่านมาป่านนี้ยังไม่สำนึกความ ผิดพลาดตนเอง

นับประสาอะไรสถานการณ์ ทั้งก่อนและหลังเลือกตั้งเกิดเหตุอลหม่านซ้ำซากจะสามารถแก้ไขได้

จริงอยู่โรดแมป คสช.เวอร์ชั่นสองใช้เวลาเกือบสองปี แต่นั่น มิใช่เจตนาต้องการลากยาวเหมือนนักการเมืองมโน

ครม. คสช. รับรู้ตนเองดีขืนกุมอำนาจยืดยาวออกไปย่อมไม่เป็นผลดี จึงนำไปสู่การร่นระยะเวลาบริหารประเทศพร้อมข้อสั่งการให้ยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ควรมีเนื้อหาสั้นลง เป็นที่ยอมรับของสากลด้วยซ้ำ แต่ไม่อาจใช้เวลาแค่ 11 เดือน ตามที่สุภาพบุรุษประชาธิปไตยรับใช้นายใหญ่ต้องการแน่

ความพยายามของแกนนำวางบิลต้องการล็อกปฏิทินแค่ 11 เดือน ทุกอย่างต้องเสร็จตั้งแต่ร่างรัฐธรรมนูญ-ออกกฎหมายลูก-ประชามติ-เลือกตั้ง โดยไม่มีคำกล่าวถึงการปฏิรูปประเทศต้องเดินหน้า

หรือแม้แต่จะสร้างหลักประกันได้อย่างไรว่า หลังเลือกตั้งสถานการณ์บ้านเมืองจะเป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย ไม่จำเป็นต้องให้ทหารเข้ามาเป็นกรรมการห้ามทัพกันอีก ก็หาได้พบคำตอบจากพวกท่องประชาธิปไตยขึ้นสมอง

เรียกได้ว่า ไม่มีวิธีคิด ไม่มีแม้แต่พันธสัญญา เอาแต่เร่งเร้าอยากกลับมาสวาปามอำนาจอย่างเห็นแก่ตัว

ดั่งคำกล่าวที่ว่า "ไม่มีงาช้างงอกออกจากปากสุนัขฉันใดย่อมไม่มีทางที่นักการเมืองระดับโคลนตมจะคิดเรื่องปฏิรูปประเทศ หาแนวทางปรองดองให้กับชาติบ้านเมืองฉันนั้น"