ส่งออกไทยโต 10.2% ต่ำกว่าคาด จับตาผลกระทบภาษีสหรัฐฯครึ่งปีหลัง
ราคาทองคำและสินค้าเทคโนโลยีหนุนส่งออกไทยเดือนเมษายน 2025 ขยายตัว 10.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ด้านไตรมาส 2 สุดท้าทาย พร้อมจับตาผลกระทบภาษีสหรัฐฯครึ่งปีหลัง
KEY
POINTS
- ราคาทองคำและสินค้าเทคโนโลยีหนุนส่งออกไทยเดือนเมษายน 2025 ขยายตัว 10.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
- ด้านไตรมาส 2 สุดท้าทาย พร้อมจับตาผลกระทบภาษีสหรัฐฯครึ่งปีหลัง
การส่งออกไทยในเดือนเมษายน 2025 มีมูลค่า 25,625.1 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ ขยายตัว 10.2% YoY และหากหักสินค้าจำพวกอัญมณีและเครื่องประดับ (เช่น เพชร พลอย ทอง) มูลค่าการส่งออกไทยจะขยายตัวได้ราว 6.4% YoY สะท้อนถึงราคาทองคำที่ยังคงแข็งแกร่งต่อเนื่อง
อย่างไรก็ดี มูลค่าการส่งออกในเดือนเมษายน 2025 กลับหดตัวเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า โดยหดตัว 13.3% MoM โดยการส่งออกไทยไปยังสหรัฐฯ ซึ่งเป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของไทยหดตัวลึกถึง 18.9% MoM มาอยู่ที่ 5,040.8 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ สะท้อนถึงแรงกระตุ้นจากการเร่งนำเข้าสินค้า (front-loaded demand) ที่เริ่มแผ่วลง
ทั้งนี้ ยังคงมีอีกหลายปัจจัยที่ส่งผลให้การส่งออกไทยในเดือนเมษายน หดตัวลงจากเดือนก่อนหน้า อาทิ ผลกระทบของวันหยุดยาวในช่วงสงกรานต์ ปริมาณสินค้าคงคลังที่มากเกินความต้องการที่แท้จริง
นอกจากนี้ ต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากการบริหารจัดการด้านขนส่งและการจัดเก็บสินค้าคงคลัง และความต้องการซื้อสินค้าจากผู้บริโภคในสหรัฐฯ ที่ชะลอตัวลงจากปัจจัยพื้นฐานด้านเศรษฐกิจ ก็น่าจะเป็นปัจจัยกดดันเพิ่มเติมต่อการส่งออกไทยในระยะต่อจากนี้
สินค้าเกษตรโดยรวมขยายตัวเร่งขึ้น 11.2% MoM (แต่ยังคงหดตัว 19.6% YoY) จากการส่งออกทุเรียนสดที่ขยายตัวสูงถึง 612.3% MoM ตามฤดูกาล (แต่หดตัว 43.5% YoY จากผลของราคาที่ต่ำกว่าปีก่อนหน้า อันเนื่องมาจากผลผลิตที่เพิ่มมากขึ้น) โดยไทยส่งออกทุเรียนสดไปจีนกว่า 96.3% ของมูลค่าการส่งออกทุเรียนสดทั้งหมด
ขณะเดียวกัน สินค้าเกษตรสำคัญกลับหดตัวทั้งในเทอมของ YoY และ MoM เช่น ข้าว (หดตัว 44.1%YoY หรือหดตัว 8.0% MoM) และผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง (หดตัว 5.8% YoY หรือหดตัว 21.4% MoM) เป็นต้น ส่วนยางพารายังขยายตัวได้ดีในเทอมของ YoY (ขยายตัว 22.5% YoY แต่หดตัว 18.6% MoM) จากอานิสงส์ด้านราคาและผลของฐานต่ำในช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
สำหรับสินค้าอุตสาหกรรมการเกษตรโดยรวมขยายตัวได้ 9.1% YoY หรือ 5.6% MoM หนุนโดยการส่งออกน้ำตาลทรายที่ขยายตัวได้ 37.7% YoY (หรือ 52.3% MoM) และน้ำมันปาล์มที่ขยายตัวได้ 30.9% YoY (หรือ 290.0% MoM) จากอานิสงส์ด้านราคา
ส่วนสินค้าอุตสาหกรรมการเกษตรและสินค้าอุตสาหกรรมสำคัญหลายรายการขยายตัวได้ดีในเทอมของ YoY แต่กลับหดตัวในเทอมของ MoM อาทิ ผลไม้กระป๋องและแปรรูป (โต 21.9% YoY หรือหดตัว 3.3% MoM) อาหารสัตว์เลี้ยง (โต 10.1% YoY หรือหดตัว 10.6% MoM) เครื่องใช้ไฟฟ้า (โต 8.8% YoY หรือหดตัว 16.1% MoM)
เครื่องคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ (โต 75.1% YoY หรือหดตัว 21.7% MoM) HDDs (โต 40.4% YoY หรือหดตัว 37.1% MoM) แผงวงจรไฟฟ้า (โต 39% YoY หรือหดตัว 2.9% MoM) เครื่องโทรศัพท์และอุปกรณ์ (โต 102.5 YoY หรือหดตัว 6.4% MoM) หม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ (โต 19.5% YoY หรือหดตัว 14.4% MoM)
ส่วนสินค้าที่หดตัวทั้งในเทอมของ YoY และ MoM ได้แก่ อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป (หดตัว 1.4%YoY หรือหดตัว 7.3%MoM) ผลิตภัณฑ์เหล็กและเหล็กกล้า (หดตัว 18.5%YoY หรือหดตัว 31.3%MoM) ยานยนต์และส่วนประกอบ (หดตัว 13.8%YoY หรือหดตัว 28.5%MoM) และเครื่องจักรกลและส่วนประกอบ (หดตัว 13.1%YoY หรือหดตัว 14.0%MoM)
ในระยะข้างหน้า การส่งออกไทยจะยังเผชิญกับแรงกดดันจากความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าโลก ผลของการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และประเทศคู่ค้าสำคัญ (รวมถึงไทย) และอุปสงค์ในประเทศคู่ค้าหลักอย่างสหรัฐฯ ที่ชะลอตัวจากภาวะเศรษฐกิจ ส่งผลให้การส่งออกไทยในช่วงไตรมาส 2 ปี 2025 น่าจะชะลอตัวลงอย่างเห็นได้ชัด และอาจจะหดตัวในช่วงไตรมาส 3 และไตรมาส 4 ปี 2025 หากผลการเจรจาการค้าเลวร้ายกว่าที่คาด
ทั้งนี้ บล.บัวหลวงยังคงมุมมองว่าการส่งออกไทยน่าจะหดตัวราว 0.2% YoY (กรณีฐาน) ภายใต้ข้อสมมติฐานว่าสหรัฐฯ จะเรียกเก็บภาษีตอบโต้ (Reciprocal tariff) กับไทยที่ 20% ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2025 ซึ่งเป็นอัตราที่ถูกลดทอนลงมาราว 50% (จาก 36%) ดังเช่นสงครามการค้าโลกปี 2018-2019 ที่สหรัฐฯ ลดอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจีนลง 50% ภายหลังจากการเจรจาสำเร็จ
Weighted composition of exports rose in Apr


