เจ้าคุณหรือเจ้าบ่อน?” สมณศักดิ์ในยุคที่ศรัทธาถูกถอนทุน
สมณศักดิ์ที่ควรยึดโยงกับธรรม กลับกลายเป็นโครงข่ายอำนาจที่อ้างศรัทธา ล่าสุดกรณีพระวัดไร่ขิงพัวพันเงินพนันกว่า 500 ล้าน สะท้อนวิกฤตศาสนาในยุคศรัทธาถูกถอนทุน.
‘ยศช้าง ขุนนางพระ’ สมณศักดิ์ที่ควรปล่อยวาง หรืออำนาจที่ต้องถูกตรวจสอบ?
“ช้างไม่รู้ว่ายศพระยา ขุนนางไม่รู้ว่าศักดินา พระก็ไม่รู้ว่าสมณศักดิ์” สำนวนโบราณที่เคยเตือนใจ…กลับสะท้อนความจริงในวันที่ศรัทธาเสื่อมถอย
ข่าวใหญ่กลบทุกกระแส พระธรรมวชิรานุวัตร เจ้าอาวาสวัดไร่ขิง วัดใหญ่ใจกลางเมืองนครปฐม ถูกกล่าวหาว่ายักยอกเงินวัดกว่า 300 ล้านบาท โอนไปเล่นบาคาร่าออนไลน์ผ่านหญิงสาววัย 26 ปี สะท้อนบางสิ่งที่ไม่ใช่แค่ “ความผิดปกติส่วนตัว” ของพระรูปหนึ่ง แต่คือ ความบิดเบี้ยวในโครงสร้างศักดิ์ศรี ของวงการสงฆ์ไทย
ยศช้าง ขุนนางพระ: ระบบยศที่ไม่ได้เพื่อช้าง ขุนนาง หรือพระ…แต่เพื่อ “คนดูแล”
ในอดีต “ยศช้าง” คือการเทิดทูนช้างศึกผู้ร่วมรบ “ยศขุนนาง” คือเครื่องมือวัดศักดินาและอำนาจการปกครอง ส่วน “สมณศักดิ์” คือกลไกควบคุมคณะสงฆ์ให้เป็นปึกแผ่น
แต่ปัจจุบัน ยศเหล่านี้ กลับไม่ได้บอกอะไรอีกต่อไป ช้างไม่ต้องไปรบ ขุนนางไม่มีแล้ว พระไม่ควรยึดติด ในยุคที่ศาสนาควรพึ่งพาความศรัทธา กลับมี โครงสร้างอุปถัมภ์ซ้อนทับ ที่สร้างพระอำนาจมากกว่าพระธรรม
เราอยู่ในประเทศที่สมณศักดิ์ถูกพระราชทานประจำปี เหมือนข้าราชการขึ้นซี พระที่ได้สมณศักดิ์ชั้นสูงจะได้พัดยศ ผ้าไตร สัญญาบัตร และอำนาจปกครอง
ไม่ใช่แค่เรื่องเกียรติยศ แต่หมายถึง เส้นสาย ในคณะสงฆ์
ตำแหน่งเจ้าคณะ เจ้าคุณ เจ้าสำนัก คือโครงข่ายอำนาจ ที่สามารถโยกงบ กำหนดโยกย้าย สร้างวัด สร้างศรัทธา และสร้าง “ธุรกิจศาสนา”
ถ้าถามว่าทำไมพระถึง “ยังอยากได้ยศ” ทั้งที่ควรละวาง?
คำตอบอาจเป็นเพราะ…
“ยศพระ” ไม่เคยหมายถึงแค่ธรรมะ แต่มันคือเส้นทางขึ้นสู่จุดอำนาจ เหมือนนักการเมืองอยากเป็นรัฐมนตรี พระก็อยากเป็น “เจ้าคุณ” หรือ “สมเด็จ” ด้วยเหตุผลที่คล้ายกัน อิทธิพล เงิน และภาพลักษณ์
วัดไร่ขิง: ยศสูงไม่การันตี 'ธรรม'
พระธรรมวชิรานุวัตรไม่ได้เป็นแค่เจ้าอาวาสวัดใหญ่ แต่ยังเป็น “เจ้าคณะภาค 14” มีอำนาจครอบคลุมหลายจังหวัด และได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ระดับสูง
แต่เบื้องหลังพัดยศ กลับพบธุรกรรมกว่า 300 ล้านบาทถูกยักย้ายผ่านบัญชีวัดเข้าสู่บัญชีส่วนตัวของพระธรรมวชิรานุวัตร และไหลต่อไปยังหญิงสาววัย 26 ปี ซึ่งเชื่อมโยงกับเครือข่ายเว็บพนันออนไลน์
เงินเหล่านี้ถูกใช้เล่นบาคาร่าออนไลน์ในหลายแพลตฟอร์มโดยตำรวจสอบสวนกลางเปิดเผยว่า มีการโอนเงินออกจากวัดถึง 11 ครั้ง ยอดรวมที่หมุนเวียนจากการเล่นพนันทั้งได้และเสีย สูงเกิน 500 ล้านบาท
ไม่เพียงเท่านั้น…ยังพบว่ามีการโอนเงินของวัดไปยังวัดอื่น รวมกว่า 80 ล้านบาท โดยไม่มีหลักฐานการนำไปใช้เพื่อศาสนกิจอย่างชัดเจน
เหตุการณ์นี้ไม่ได้เป็นเพียง “เรื่องส่วนตัว” แต่สามารถแตะถึงโครงข่ายการเงินระดับอุปถัมภ์ ที่ใช้ตำแหน่งทางสงฆ์เป็นเกราะกำบัง
เมื่อศรัทธาของประชาชนต้องแลกกับ “บ่อนพนัน” เงินบริจาคกลายเป็นทุนหมุนเวียนระหว่างบัญชีวัดและนายหน้าคาสิโน พระมีพฤติกรรมอ้างธรรม แต่จิตวิญญาณยึดติดกับอำนาจเงิน
มังกรเขี้ยวแก้ว อดที่จะไม่ตั้งคำถามถึงเหตุการณ์นี้แค่ “พฤติกรรมส่วนตัว”
แต่ต้องถามว่า “ระบบยศศักดิ์แบบเดิม ยังสมควรอยู่หรือไม่?”
ก็ถ้าในเมื่อบ้านเมืองเราวันนี้ ยศช้างเป็นเพียงสัญลักษณ์ ยศขุนนางเป็นเพียงอดีต ยศพระก็ไม่ควรเป็นอุปสรรคต่อความเป็นสมณะ
“พระดีไม่ต้องมียศ พระไม่ดีไม่ควรมีอำนาจ”
มังกรเขี้ยวแก้วขอถามท่าน ๆ ทั้งหลายอีกสักหน่อยเถิด เราจะปล่อยให้เป็นเช่นนี้หรือ?…..
ถึงเวลาแล้วหรือไม่ ที่จะยุติระบบสมณศักดิ์ที่ผูกโยงกับอำนาจบริหาร แยก “พระปกครอง” ออกจาก “พระปฏิบัติ” อย่างเด็ดขาด คืนความเรียบง่ายให้วัด คืนความศรัทธาให้พระพุทธศาสนา


