posttoday

งบประมาณรัฐสภาอัปยศ? มหาโกง มหากาพย์ ผลาญภาษีของประชาชน

13 พฤษภาคม 2568

เจาะลึกงบประมาณรัฐสภาสุดอื้อฉาว! ตั้งแต่สร้าง 2 หมื่นล้าน บานปลายซ่อมอีกพันล้าน ฝ่ายค้าขยี้ซ้ำ ซื้อของแพงพิกล พิพิธภัณฑ์ 14 ล้าน โรงหนัง 4D 180 ล้าน ป.ป.ช. สอบแล้ว56 คดี

"พี่ช้าง"สมชาย มีเสน รองประธานกรรมการบริหาร บมจ.เนชั่นกรุ๊ป (ไทยแลนด์) จัดรายการ "Clearปม" ในเพจนิวเคลียร์ของโพสต์ทูเดย์ เจาะลึกประเด็นร้อนงบประมาณของรัฐสภาที่กำลังถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก รายละเอียดดังนี้

สวัสดีครับท่านผู้ชมที่ติดตามรายการ "Clear ปม" ในเพจนิวเคลียร์ของโพสต์ทูเดย์ วันนี้ผมจะมาเจาะลึกถึงประเด็นร้อนที่กำลังถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก นั่นก็คือเรื่องงบประมาณของรัฐสภาที่เรากำลังพูดถึงกันว่ามันอาจจะเป็น "มหาโกง มหากาพย์ รัฐสภาอัปยศ" เลยทีเดีย

เห็นตัวเลขงบประมาณต่างๆ ที่ออกมาแล้ว ผมเองก็ท้อใจไม่น้อยครับ และที่น่าสนใจคือตอนนี้ พรรคสีน้ำเงิน หรือพรรคภูมิใจไทย ก็ถูกโยงเข้ามาในประเด็นนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะหัวหน้าพรรคท่านปัจจุบันก็มาจากบริษัทซิโน-ไทย และในครอบครัวก็ยังมีการถือหุ้น รวมถึงบริหารงานอยู่ในซิโน-ไทย แม้ว่าตัวท่านเองจะไม่ได้บริหารโดยตรงแล้วก็ตาม

ย้อนกลับไปดูเรื่องสภากันสักนิด สัปดาห์ที่แล้วมีประเด็นที่หลายคนพูดถึงว่าเป็นทั้งมหากาพย์และมหาโกง รัฐสภาไทยแห่งใหม่นี้ต้องบอกว่าเป็นรัฐสภาที่ใหญ่ที่สุดในโลกนะครับ ถ้าเทียบในแง่ของการย้ายสภา แต่ถ้าจัดอันดับเฉพาะอาคารรัฐบาล จะใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากเพนตากอนของสหรัฐอเมริกา

แต่เรื่องราวความร้อนแรงของรัฐสภานี้มันยาวนานมาหลายปีแล้วครับ ตั้งแต่ 10-20 ปีที่แล้ว ตั้งแต่แนวคิดการก่อสร้างในปี 2549 และการก่อสร้างก็มีการขยายระยะเวลามาเรื่อยๆ จนกระทั่งตอนนี้จะมีการซ่อมแซม และขอกงบประมาณเพิ่มเติมอีกเป็นพันล้าน มันจึงเป็นที่มาของการตรวจสอบจากพรรคฝ่ายค้านและสังคมว่านี่มันคือ "หมาโกง หมากัด" หรือ "รัฐสภาอัปยศ" กันแน่

ลองมาดูกันนะครับ รัฐสภาแห่งนี้เราใช้เวลาก่อสร้างมาถึง 12 ปีเต็มๆ ใช้เงินงบประมาณที่บานปลายมาจนถึง 22,987 ล้านบาท ต้องบอกว่ามันเป็นเม็ดเงินที่มหาศาลจริงๆ และสุดท้ายสถานที่แห่งนี้ก็เป็นที่รวมของการออกกฎหมายต่างๆ มากมาย

แต่ที่น่าตั้งคำถามคือ การทำงานของสภาแห่งนี้มันคุ้มค่ากับงบประมาณที่ก่อสร้างไปแล้วหรือไม่ บางครั้งกฎหมายที่ออกมาก็ขัดขวาง หรือบางฉบับก็ไม่ได้เป็นประโยชน์กับประชาชนเท่าที่ควร กฎหมายที่เป็นประโยชน์ก็มี แต่ที่ไม่เป็นประโยชน์ก็เยอะ ต้องไปดูกันให้ดี

ระยะเวลาก่อสร้าง 12 ปี ซ่อมบำรุงอีก 5 ปี แถมยังมีการขยายสัญญาถึง 4 ครั้ง มันอดคิดไม่ได้ว่าการขยายสัญญาเหล่านี้มีการ "ฮั้ว" กันหรือไม่ มีการ "นั่น" กันหรือเปล่า จนถึงขั้นมีการร้องเรียนไปยัง ป.ป.ช. เรื่องการฟ้องร้องกันก็มีมากมายเต็มไปหมด มันเป็นความอัปยศจริงๆ ครับ

รัฐสภาแห่งใหม่ที่ใช้งบไปกว่า 2 หมื่นล้านบาท บริษัทซิโน-ไทยเป็นผู้รับเหมาหลักในการก่อสร้าง โดยเซ็นสัญญากันในสมัยที่คุณชัย ชิดชอบ ซึ่งตอนนั้นอยู่ในพรรคไทยรักไทย ก่อนที่จะมาเป็นพรรคภูมิใจไทยในปัจจุบัน คุณชัย ชิดชอบ ท่านเป็นบิดาของคุณเนวิน ชิดชอบ โครงการนี้เริ่มก่อสร้างประมาณปี 2556 และบานปลายมาถึง 22,000 กว่าล้านอย่างที่ผมบอกไปแล้ว บริษัทซิโน-ไทยนี้ก็เป็นยักษ์ใหญ่ในวงการรับเหมา ได้รับงานต่างๆ มากมาย

บริษัทนี้ก่อตั้งโดยคุณชวรัตน์ ชาญวีรกูล ซึ่งเป็นบิดาของรัฐมนตรีมหาดไทยคนปัจจุบันคือคุณอนุทิน ชาญวีรกูล และท่านก็เป็นผู้ร่วมก่อตั้งพรรคภูมิใจไทยและเป็นหัวหน้าพรรคคนแรกด้วย ในขณะนั้นท่านดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย

คุณอนุทินเองก็เคยดำรงตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงของซิโน-ไทยในช่วงปี 2535 ถึง 2547 ปัจจุบันได้โอนหุ้นให้ลูกและผู้ดูแลผลประโยชน์ (Custodian) ไปแล้ว และบริษัทซิโน-ไทยก็จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ตั้งแต่ปี 2536 และเพิ่งจะมีการปรับโครงสร้างเป็น Holding Company ชื่อ สเตคอน เมื่อปีที่แล้ว โครงสร้างโดยรวมก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากนัก เพียงแต่เปลี่ยนชื่อบริษัทเท่านั้นเอง

รายชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่ของซิโน-ไทยก็มีทั้งบริษัท ทีที เวนเจอร์ ซึ่งใครถือหุ้นอยู่ต้องไปดูกันอีกที แต่ที่น่าสนใจคือบริษัทโฮลดิ้งของลูกชายคุณอนุทินถือหุ้นใหญ่ถึง 17% นอกจากนั้นก็มีกองทุนต่างๆ ซึ่งบางทีกองทุนเหล่านี้ก็อาจจะมีนักการเมืองเข้าไปซื้อกองทุนอยู่เบื้องหลังแล้วมาถือหุ้นก็เป็นได้ แต่โดยรวมแล้วทั้งหมดนี้ยังอยู่ภายใต้การบริหารและอิทธิพลของครอบครัวชาญวีรกูล ผู้ถือหุ้นใหญ่รวมกันถึง 41.55% ที่เหลือเป็นรายย่อย

สรุปคือ กลุ่มผู้ถือหุ้นของซิโน-ไทยในสัดส่วนของตระกูลชาญวีรกูลอยู่ที่ 22% เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับหนึ่ง ส่วนผู้ถือหุ้นใหญ่ชาวต่างชาติอยู่ที่ 12.8% ซึ่งก็เห็นได้ชัดว่าอำนาจในการบริหารยังคงอยู่ในกลุ่มของชาญวีรกูล ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งเดิมของซิโน-ไทย แม้จะเปลี่ยนโครงสร้างเป็นสเตคอนแล้วก็ตาม นี่คือบริษัทที่รับงานก่อสร้างรัฐสภา และมีบทบาททั้งในสภาและรัฐบาลมาอย่างยาวนาน

และที่น่าสังเกตคือมีการขยายสัญญากันถึง 4 ครั้ง ครั้งแรกขยายไป 387 วัน หรือประมาณ 1 ปี ครั้งที่สองขยายไปปีกว่า และก็มีการขยายครั้งที่ 3 และครั้งที่ 4 ตามมา มีการร้องเรียนและตรวจสอบเรื่องนี้มากมาย

ผมจำได้ว่าคนที่ร้องเรียนและตรวจสอบเรื่องนี้อย่างหนักหน่วงที่สุด 2 ท่านคือ อดีต สส. ประชาธิปัตย์ คุณย่า จันทร์พิทักษ์พิทักษ์ และคุณวัชระ เพชรทอง ท่านได้ยื่นเรื่องให้สอบเลขาธิการรัฐสภาและเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งทำหน้าที่เลขาธิการรัฐสภาด้วย

ทั้งสองท่านนี้อาจจะไม่มีส่วนรู้เห็นในการ "ฮั้ว" หรือไม่ แต่ในระหว่างการขยายสัญญา บริษัทซิโน-ไทยก็ได้ฟ้องรัฐสภา โดยอ้างว่าส่งมอบพื้นที่ไม่ครบและล่าช้า ฟ้องเรียกค่าเสียหายถึง 1,590 ล้านบาท แต่ศาลยกคำร้อง โดยศาลมองว่ารัฐสภาเสียหายจากการขยายสัญญา แต่บริษัทกลับไม่ได้ฟ้องร้องรัฐบาล กลับมาฟ้องรัฐสภาเอง มันก็เลยเหมือนเจ๊ากันไป

นอกจากนี้ ยังมีข้อร้องเรียนในเชิงทุจริตที่ยังค้างการพิจารณาของ ป.ป.ช. อีกถึง 56 เรื่อง เยอะมากนะครับ รัฐสภาที่ผ่านมา 20 ปี มีเรื่องร้องเรียนถึง 56 เรื่อง ทั้งเรื่องการสร้างและการซ่อม และที่สำคัญคือตอนนี้มี "ปม" ใหม่มาอีกแล้วครับ คือการของบประมาณเพิ่มเติมอีก 956 ล้านบาท ในการต่อเติมเพิ่มเติม 10 โครงการ ที่จะมีการขออนุมัติงบประมาณผูกพันตั้งแต่ปี 2569 เป็นต้นไป รวมแล้วโครงการเหล่านี้มีมูลค่ามากกว่าพันล้านบาท

ลองมาดูกันนะครับ มีโครงการปรับปรุงพิพิธภัณฑ์ 14 ล้านบาท ปรับปรุงอะไรกันนักหนา เทียบกับจำนวนคนที่เข้าชมแล้วมันคุ้มค่าหรือไม่ ส.ส. เองยังไม่ค่อยจะเข้าชมเลย แล้วใครจะเข้ามาดูงานมากขนาดนั้น

อีกเรื่องที่กำลังเป็นที่ถกเถียงกันมากในโลกโซเชียลคือ การพัฒนาระบบภาพยนตร์โฟร์ดี วงเงิน 180 ล้านบาท เหตุผลที่เจ้าหน้าที่รัฐสภาบอกคือ มีนักเรียนนักศึกษามาดูงาน และบอกว่าทำไมไม่ทำเหมือนที่ EGAT ซึ่งมีศูนย์เรียนรู้ในการสร้างประสบการณ์เรื่องการปลูกป่า ให้เห็นสัตว์ป่า ระบบการใช้พลังงาน ซึ่งหลายคนมองว่าระบบของ EGAT นั้นล้ำหน้าไปถึง 6D แล้วด้วยซ้ำ

แล้วรัฐสภาจะเอาระบบภาพยนตร์โฟร์ดีมาทำไมตั้ง 180 ล้านบาท มันจำเป็นขนาดนั้นเลยหรือในการปรับปรุงระบบภาพยนตร์ เอาเงินไปทำอย่างอื่นไม่ดีกว่าหรือ เทคโนโลยีมันก้าวหน้าไปเรื่อยๆ แต่เหตุผลที่เขาอ้างคือเพื่อให้คนมาดูงาน เหมือนที่ EGAT เป็นแหล่งเรียนรู้ของเยาวชน

นอกจากนี้ ยังมีการปรับปรุงไฟส่องสว่างอีก 117 ล้านบาท ปัจจุบันมันมืดขนาดนั้นเลยหรือ ที่มืดอาจจะเป็นเพราะสมาชิกบางท่านทำสภา "มืดมน" หรือเปล่า ผมก็อดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมระบบส่องสว่างต้องใช้งบประมาณมากมายขนาดนั้น

ปรับปรุงศาลาแก้ว 2 หลัง 123 ล้านบาท สร้างมาแล้วไม่ได้ใช้งาน วันก่อนอาจารย์ วันมูหะมัดนอร์ มะทา ยังบอกว่าไม่รู้สร้างมาทำไม คนออกแบบก็มาตอบว่าสร้างไว้รับรองแขกหรืองานเลี้ยงต่างๆ แต่ก็ไม่เคยได้ใช้งาน ขนาดประธานรัฐสภายังถามว่ามีไว้ทำไม

ปรับปรุงห้องประชุมอีก 118 ล้านบาท โอ้โห ผลาญงบกันเข้าไปทำอะไรกันนักหนา ปรับปรุงพื้นที่ครัวอีก 117 ล้านบาท รัฐสภาทำอาหารเองหรืออย่างไร ปกติเวลาประชุมสภาฯ จะมีการเหมาอาหารจากร้านข้างนอกมา ไม่ได้มีการทำครัวเอง แล้วจะปรับปรุงพื้นที่ครัวไปทำไม

ติดตั้งระบบภาพและเสียง 99 ล้านบาท ติดตั้งจอ LED Display อีก 72 ล้านบาท มันมากเกินความจำเป็นไปหรือไม่ ปรับปรุงทัศนียภาพและปุ๋ยอินทรีย์ ปรับปรุงห้องจัดเลี้ยง และมีการปรับปรุงหลังจากประธานสภาฯ อีก โอ้โห ผมว่ามันช่างคิดในการผลาญเงินจริงๆ เรื่องเหล่านี้ต้องตรวจสอบอย่างจริงจัง และหลายโครงการควรที่จะพับไปได้แล้ว

และที่ผมพูดถึงไปก่อนหน้านี้ อาจารย์วันมูหะมัดนอร์ มะทา ยังตั้งคำถามว่าศาลาแก้วสร้างมาทำไม เพราะดูไม่สัมพันธ์กับตัวตึก และเมื่อสร้างเสร็จก็เป็นลานสำหรับพระบรมราชานุสรณ์ รัชกาลที่ 7 และอาจจะใช้ประกอบพิธีต่างๆ แต่ถ้าปรับปรุงแล้วไม่ได้ใช้งานก็เสียประโยชน์เปล่าๆ

ทางพรรคฝ่ายค้านเองก็ออกมาพูดถึงงบประมาณของรัฐสภาที่ขอปรับปรุง 900 กว่าล้านบาทในปี 2569 และผูกพันอีก 3 ปี รวมๆ แล้วเกือบ 2,000 ล้านบาทสำหรับการปรับปรุง มันเป็นตัวเลขที่น่าตกใจจริงๆ

ตอนนี้ฝ่ายค้านเองก็ตั้งเป้าที่จะตรวจสอบเรื่องนี้อย่างเข้มข้นในการประชุมวิสามัญวันที่ 28-29 พฤษภาคมนี้ ในวาระแรกของการพิจารณางบประมาณรายจ่ายปี 2569 คุณไอติม พริษฐ์ วัชรสินธุ ก็ประกาศแล้วว่าจะตรวจสอบเรื่องนี้อย่างละเอียด

และที่ผมบอกไป 900 กว่าล้านบาทนั้นเป็นเพียง "หัวเชื้อ" เพราะยังมีการของบเพิ่มเติมอีก 1,817 ล้านบาทสำหรับการก่อสร้างอาคารจอดรถ และอีก 1,529 ล้านบาทสำหรับการออกแบบหลังฉากประธานสภาฯ แค่ค่าออกแบบก็ 133 ล้านบาท

มันมากเกินไปจริงๆ ผมว่าเอามา 5 ล้านบาทเดี๋ยวผมหาคนออกแบบให้ได้เลย เดี๋ยวนี้การออกแบบมันไม่ได้ยากเย็นอะไร ใช้ AI ออกแบบก็ได้ ไม่จำเป็นต้องผลาญงบประมาณกันขนาดนี้ ผมไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง

ซื้อเครื่องตรวจวัตถุต้องสงสัย 74 ล้านบาท สงสัยในสภาจะมีคนพกอาวุธกันเยอะหรืออย่างไร ระบบป้องกันฝุ่น PM 2.5 อีก 50 ล้านบาท สงสัยจะเอาไปฟอกอากาศข้างใน ซ่อมแซมเสาไม้สัก 31 ล้านบาท ไม้สักต้องซ่อมกันแล้วหรือ โอ้โห เห็นงบประมาณต่างๆ เหล่านี้แล้วมันน่าท้อใจจริงๆ

3 ปมร้อนที่กำลังมีการพูดถึงกันมากคือ ที่จอดรถในสภาสร้างทำไม ศาลาแก้ว และพื้นที่สระมรกต ที่ดูเหมือนจะไม่ค่อยได้ใช้งาน ที่จอดรถเองก็ควรจะจำกัดให้เฉพาะสมาชิก ส่วนทีมงานก็ไปจอดด้านนอก ซึ่งก็มีพื้นที่อยู่ หรือไปหาที่จอดรถที่อื่น

การสร้างที่จอดรถเพิ่มเติมตอนนี้เหมือนเป็นการแก้ปัญหาที่ไม่ตรงจุด ตอนสร้างก็อาศัยช่องโหว่ว่าอาคารรัฐสภาไม่ต้องขออนุญาตกทม. ซึ่งจริงๆ แล้วอาจจะผิดแบบ เพราะอาคารขนาดใหญ่ขนาดนี้พื้นที่จอดรถเดิมมันไม่เพียงพอ

ตอนนี้ฝ่ายค้านเตรียมที่จะ "ขยี้" เรื่องนี้อย่างเต็มที่ และที่ผมบอกไปว่าพรรคสีน้ำเงิน หรือพรรคภูมิใจไทย ก็ถูกเชื่อมโยง เพราะหัวหน้าพรรคมาจากซิโน-ไทย และในครอบครัวก็ยังถือหุ้นและบริหารงานอยู่ แม้ว่าคุณอนุทินจะไม่ได้บริหารโดยตรงแล้วก็ตาม และอาจจะโอนหุ้นให้ลูกหรือผู้ดูแลผลประโยชน์ไปแล้วก็ตาม

นี่แหละครับ "มหากาพย์ มหาโกงรัฐสภา" ที่เราต้องจับตาดูกันต่อไป มีการตรวจสอบมากมาย แต่ก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไรได้หรือไม่ ความอัปยศจะเกิดขึ้นกับรัฐสภาแห่งนี้อีกนานแค่ไหน นี่คือ "Clear ปม" ในสัปดาห์นี้ สวัสดีครับ

สามารถรับชมได้ที่
Facebook: https://www.facebook.com/share/v/16emNHvPTL/
Youtube :  https://youtu.be/Tylplrlmmow?si=9ujsDORLfTaUHe64

ข่าวล่าสุด

สธ. ปั้นนโยบายขึ้นทะเบียนยา ATMPs ‘เร็วที่สุดในอาเซียน’ ดัน 'Medical Economy'