บัวหลวงประเมินปัจจัยหนุน “ราคาทองคำ” ปีนี้

     หลังจากนั้นในช่วงปี 2551 จะเห็นการเร่งขึ้นของราคาทองคำ อันเป็นผลมาจากการทำ QE ของ Fed ในช่วงที่เกิดวิกฤตซับไพร์ม โดยในปี 2567 ราคาทองคำได้ทำ All Time High ขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ 2,431 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ 

     ในวันที่ 12 เม.ย. 67 ที่ผ่านมา หลังจากนั้นเพียง 1 สัปดาห์ ทองคำไทยก็ขึ้นไปทำ All Time High ที่ระดับ 41,650 บาทต่อบาททองคำ ด้วยแรงหนุนจากราคาทองคำที่ปรับขึ้นและค่าเงินบาทที่อ่อนค่า

     เมื่อเร็ว ๆ นี้ หลักทรัพย์บัวหลวง ได้จัดสัมมนาหัวข้อ “เปิดสูตรลับ เทรดทองคำ ช่วง New High พร้อม Workshop พิชิตกำไรจากประสบการณ์จริง” เพื่อให้มุมมองทองคำและคำแนะนำการเทรดสินค้าอนุพันธ์ใน TFEX โดยผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนมืออาชีพ ซึ่งเราได้สรุปไฮไลท์สำคัญให้ได้อ่านกันในบทความนี้

     ภาพรวมราคาทองคำ

     ปัจจัยที่มองว่าจะส่งผลกระทบต่อราคาทองคำในปี 2567

     1. นโยบายทางการเงินของ Fed : นโยบายที่เริ่มผ่อนคลายมากขึ้น ซึ่งเห็นได้จากการลดขนาดการทำ QT ต่อเดือน โดยลดวงเงินพันธบัตรจาก 60 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เหลือ 25 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และคงวงเงิน MBS ที่ 35 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ คาดจะช่วยหนุนให้ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่า และส่งผลบวกต่อราคาทองคำ

     2. ความต้องการทองคำของธนาคารกลางทั่วโลก : ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ความต้องการทองคำของธนาคารกลางทั่วโลกเพิ่มอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะจีนที่ซื้อทองคำเข้าเป็นทุนสำรองระหว่างประเทศถึง 225 ตัน ในปี 2566 ทำให้สัดส่วนทองคำต่อทุนสำรองของจีนเพิ่มขึ้นเป็น 4.6% ในปี 66 จาก 3.8% ในปี 65 แสดงให้เห็นถึงการเพิ่มอุปสงค์ของทองคำในตลาดโลก ส่งผลบวกต่อราคาทองคำ

     3. การเลือกตั้งของสหรัฐฯ : จากสถิติการเลือกตั้งสหรัฐฯ 10 ครั้งที่ผ่านมา พบว่าถ้าประธานาธิบดีมาจากพรรค Republicans ทองคำมีแนวโน้มให้ผลตอบแทนเป็นบวกในช่วง 1 เดือน (3 ครั้งใน 5 ครั้ง) มากกว่าจากพรรค Democrats (1 ครั้งใน 5 ครั้ง) ซึ่งผลสำรวจการเลือกตั้งในเดือนพ.ย. 67 นี้ พบว่า “ทรัมป์” จากพรรค Republicans มีคะแนนนิยมมากกว่า “ไบเดน” จากพรรค Democrats

     นอกจากนี้ หากอ้างอิงกับผลงานในปี 2559 เรามองว่าการใช้นโยบายของทรัมป์จะมีความคาดเดาได้ยากมากขึ้น รวมถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอาจกลับมาตึงเครียดอีกครั้ง จะเป็นปัจจัยหนุนราคาทองคำ

     สำหรับอีกหนึ่งสินค้าโภคภัณฑ์ที่น่าสนใจ นอกเหนือจากทองคำ คือ โลหะเงิน เราพบว่าในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ทองคำให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าโลหะเงิน โดยทองคำให้ผลตอบแทนเฉลี่ยกว่า 8% ขณะที่โลหะเงินให้ผลตอบแทนเฉลี่ยเกือบ 5% อีกทั้งหากมาดู Gold / Silver Ratio ปัจจุบันจะอยู่ที่ราว 85 เท่า เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ย 10 ปี ที่ 79 เท่า ดังนั้นราคาโลหะเงินดู Undervalue เมื่อเทียบกับราคาทองคำ

     จากความน่าสนใจของโลหะมีค่าทั้งทองคำและโลหะเงิน นักเทรดสามารถเก็งกำไรสินค้าดังกล่าว ผ่าน Futures ใน TFEX ได้ ซึ่งปัจจุบัน TFEX มี Futures ที่อ้างอิงโลหะมีค่าให้ซื้อขายทั้งหมด 4 ประเภท คือ

     1. Gold Futures (GF/GF10) ราคาซื้อขายอิงราคาทองคำในประเทศ ซึ่งอยู่ในรูปเงินบาท แต่จะมีความเสี่ยงเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน

     2. Gold Online Futures (GO) ราคาซื้อขายอิงราคาทองคำโลก ซึ่งอยู่ในรูปสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ และไม่มีความเสี่ยงเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน

     3.Gold-D (GD) ราคาซื้อขายอิงราคาทองคำที่มีความบริสุทธิ์ 99.99% และกำหนดให้มีการชำระราคาด้วยการรับมอบ/ส่งมอบทองคำจริง

     4. Silver Online Futures (SVF) ราคาซื้อขายอิงราคาโลหะเงินที่มีความบริสุทธิ์ 99.9% และไม่มีความเสี่ยงเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน

     โดย Futures ที่อ้างอิงโลหะมีค่าสามารถทำการซื้อขายได้ในช่วง Day Session: 09.45 - 16.55 น. (ไม่มีพักกลางวัน) และ Night Session: 18.50 – 03.00 น. ของวันถัดไป

     รายละเอียดสัญญา Futures อ้างอิงทองคำใน TFEX

     “การเทรด Futures จะวางเงินหลักประกันเพียงบางส่วนของมูลค่าสัญญา หรือที่เรียกว่า หลักประกันขั้นต้น (Initial Margin) สำหรับมือใหม่แนะนำให้วางเงินหลักประกันในพอร์ตมากกว่าระดับหลักประกันขั้นต้น โดยหลักประกันที่เหมาะสมสามารถสอบถามทางผู้แนะนำการลงทุนของท่าน เพื่อที่จะทำให้พอร์ตสามารถรองรับความผันผวนของราคาได้สูงขึ้นและไม่ต้องเติมเงินหลักประกันบ่อยๆ”

     ปัจจุบันลูกค้าหลักทรัพย์บัวหลวง สามารถจับสัญญาณทองคำด้วยเครื่องมือออนไลน์ของ BLS เช่น ค้นหาสัญญาณหุ้นอัตโนมัติ ด้วย Stock Signals หรือวิเคราะห์กราฟบน PC และมือถือ ด้วย Aspen เป็นต้น อย่างโปรแกรม Aspen จะแสดงกราฟทางเทคนิคทั้งหุ้นและกองทุน Index ต่างประเทศ ข้อมูลเศรษฐกิจ NAV ของกองทุน พร้อมกับการวิเคราะห์แบบหลากหลายประเภท และการลากเส้นแนวโน้มที่ใช้งานได้จริงด้วยปลายนิ้ว

     อย่างไรก็ดีสำหรับท่านใดที่ไม่อยากพลาดกิจกรรมและสัมมนาดีๆสามารถสมัครเปิดบัญชี TFEX/Block Trade ใหม่ ผ่านแอปฯ Wealth Connex สะดวก ไม่ต้องส่งเอกสาร