posttoday

TDRI เปิด 3 รูปแบบ ข้อดี*ข้อเสีย คาสิโนถูกกฎหมายในไทย

08 พฤษภาคม 2567

TDRI แนะรัฐจำกัดใบอนุญาตเปิดคาสิโนไทยเพียง 1-3 ราย มุ่งเน้นตอบสนองกลุ่มนักท่องเที่ยวเป็นหลัก-สร้างรายได้ให้ภาครัฐ เพื่อลดความเสี่ยงด้านสังคมให้เกิดขึ้นน้อยที่สุด

รัฐบาลเศรษฐากำลังผลักดันให้มีคาสิโนถูกกฎหมายในไทย ซึ่งถือว่าไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะมีการนำเสนอแนวคิดในลักษณะนี้มาแล้วหลายรอบ ความเห็นในช่วงหลังๆ จะมีทั้งผู้ที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย โดยฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยจะมองว่าเป็นกิจกรรมที่มอมเมาประชาชน ทำให้เกิดปัญหาสังคม เป็นอบายมุข หรือ หนทางไปสู่ความเสื่อม ในขณะที่ฝ่ายที่เห็นด้วย สะท้อนข้อเท็จจริงที่ว่ามีการเปิดบ่อนมากมายตามพื้นที่ชายแดนของประเทศเพื่อนบ้านเพื่อรองรับนักพนันชาวไทย ซึ่งทำให้เงินรั่วไหลออกไปต่างประเทศปีละเป็นหลักหมื่นล้านบาท และยังมีข่าวที่ปรากฎอยู่เสมอว่าพบบ่อนการพนันเถื่อนลักลอบเปิดแบบผิดกฎหมายที่ถูกจับได้อยู่เรื่อยๆ 

นั่นทำให้การเปิดคาสิโนถูกกฎหมายจะช่วยให้เม็ดเงินของนักพนันไทยไม่ไหลออกไปต่างประเทศ และในขณะเดียวกันก็เป็นการนำเอากิจกรรมบ่อนเถื่อนที่ผิดกฎหมายขึ้นมาอยู่บนดิน สร้างรายได้ให้กับภาครัฐ ทั้งในรูปแบบของค่าธรรมเนียมใบอนุญาต และภาษีเงินได้ที่เกี่ยวข้อง และยังช่วยลดปัญหาคอร์รัปชั่นที่เกิดขึ้นอีกด้วย   

ในความเห็นของผู้เขียน การอนุญาตให้เปิดคาสิโนก็ดี หรือจะเป็นบ่อนก็ดี หรือจะเป็นเอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์ก็ดี จะมีรูปแบบที่เป็นไปได้ 3 รูปแบบแตกต่างกัน
    

รูปแบบแรก คือ การเปิดให้มีคาสิโนเสรีแบบไม่มีการควบคุม หรือก็คือ สามารถเปิดคาสิโน (หรือบ่อน) ได้โดยไม่ต้องขออนุญาตจากภาครัฐ ใครอยากจะเล่นพนันกันก็สามารถรวมตัวกันตั้งวงเล่นพนันกันได้เลย 

รูปแบบนี้เป็นรูปแบบที่เปิดเสรีมากที่สุด คาดได้ว่าจะทำให้เกิดบ่อนเล็กบ่อนน้อยในทุกพื้นที่และทุกสถานการณ์ที่เอื้ออำนวย เช่น ตามงานรื่นเริง งานศพ หรือในช่วงเทศกาลต่างๆ 

แม้ว่าการเปิดบ่อนในรูปแบบนี้จะมีแอบเปิดกันอยู่แล้วในปัจจุบัน แต่รูปแบบนี้จะมีความเสี่ยงที่จะเกิดผลกระทบต่อสังคมจะมากที่สุด เพราะเป็นการเปิดกว้างให้มีบ่อนการพนันเกิดขึ้นได้ในทุกที่ทุกเวลา ในขณะที่ภาครัฐจะไม่ได้รับรายได้ใดๆ เพราะเป็นรูปแบบที่อนุญาตให้เปิดเสรีแบบไม่ต้องขออนุญาต


รูปแบบที่สอง คือ การเปิดแบบต้องมีการขอใบอนุญาต และภาครัฐมุ่งเน้นไปที่ประโยชน์ของการเปิดเสรีคาสิโนในแง่ของการลดการรั่วไหลของเงินที่ไปบ่อนต่างประเทศ และการนำเอาธุรกิจใต้ดินขึ้นมาบนดิน 

รูปแบบนี้เหมือนว่าจะเป็นสิ่งที่รัฐบาลปัจจุบันกำลังจะผลักดันให้เกิดขึ้น ซึ่งคาดว่าจะเกิดคาสิโนจำนวนไม่มากนัก แต่อาจจะตั้งอยู่ครบทั่วภูมิภาค เพื่อดึงดูดนักพนันชาวไทยไม่ให้ไปเล่นที่ประเทศเพื่อนบ้าน และไม่ให้ไปแอบเล่นกันแบบใต้ดินในอดีต

การเปิดคาสิโนในรูปแบบนี้น่าจะทำให้คนไทยเล่นการพนันมากขึ้น เพราะในรูปแบบนี้จะมีทั้งผู้เล่นเดิมที่เคยเล่นกันอยู่จะสามารถเล่นการพนันได้อย่างสะดวกมากขึ้นกับผู้เล่นหน้าใหม่ๆ ที่ไม่เคยได้เล่นเพราะไม่อยากเดินทางไปเล่นตามบ่อนชายแดน หรือไม่อยากแอบไปเล่นในบ่อนที่ผิดกฎหมาย

ในรูปแบบนี้ ปัญหาสังคมต่างๆ อาจจะน้อยกว่ารูปแบบแรก แต่ก็ต้องยอมรับว่าต้นทุนทางสังคมที่เกิดขึ้นมีแนวโน้มที่จะสูง และสังคมไทยต้องเผชิญกับปัญหาสังคมต่างๆ ที่มักจะเกิดขึ้นกับคาสิโน เช่น ปัญหาหนี้สิน ปัญหาครอบครัว ปัญหาอาชญากรรม รวมไปถึงธุรกิจเทาๆ ดำๆ ที่มักจะเติบโตควบคู่กับธุรกิจการพนัน เช่น การค้าบริการ ยาเสพติด ค้ามนุษย์ ฟอกเงิน เป็นต้น

แต่ในรูปแบบนี้ภาครัฐก็จะได้รายได้จากค่าธรรมเนียมและภาษีต่างๆ ที่เกี่ยวข้องสูงที่สุด เพราะแม้ว่าจำนวนคาสิโนจะเกิดขึ้นไม่มากเท่ากับรูปแบบแรก แต่ในรูปแบบนี้ ธุรกิจ และอาจจะรวมถึงผู้ที่ชนะพนันจะต้องเสียค่าใบอนุญาต และภาษีต่างๆ อีกทั้งภาครัฐยังจะได้รับผลประโยชน์ทางอ้อมในรูปแบบของภาษีจากธุรกิจอื่นๆ ที่ได้รับประโยชน์จากการเปิดคาสิโนไปด้วย เช่น ธุรกิจโรงแรมและร้านอาหาร เป็นต้น


รูปแบบที่สาม จะเป็นการรูปแบบที่ธุรกิจที่ต้องการจะเปิดคาสิโนจะต้องเข้ามาขอใบอนุญาตเช่นเดียวกัน แต่ภาครัฐจำกัดการเปิดคาสิโนเพียงน้อยราย โดยอาจจะอนุญาตให้เปิดเพียง 1-3 แห่งให้เกิดการแข่งขัน และมุ่งเน้นไปที่การตอบสนองต่อกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นหลัก

ในรูปแบบนี้ คาดหวังว่าภาครัฐจะกำหนดพื้นที่เฉพาะในการเปิดคาสิโน เช่น ในรูปแบบของเขตเศรษฐกิจพิเศษ โดยมีการจำกัดผู้เล่นชาวไทยอย่างเข้มงวดเพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาสังคมให้มากที่สุด ในขณะเดียวกัน การเน้นกลุ่มลูกค้าไปที่นักท่องเที่ยวก็เป็นการสร้างกิจกรรมใหม่ๆให้กับการท่องเที่ยวไทย ที่ปัจจุบันแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ เริ่มเข้าสู่ขีดจำกัดในการรองรับนักท่องเที่ยวแล้ว ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติมีกิจกรรมให้เลือกมากขึ้น และอาจจะช่วยให้นักท่องเที่ยวที่เข้ามาในไทยเข้ามาพำนักนานขึ้น และมีรายจ่ายต่อหัวสูงมากขึ้น

ในความเห็นส่วนตัวของผู้เขียน มองว่าทางเลือกในรูปแบบที่หนึ่ง ไม่เหมาะสมกับไทย เพราะเป็นการเปิดเสรีที่ไร้ขอบเขต ทำให้เกิดปัญหาสังคมที่สูงที่สุดเมื่อเทียบกับรูปแบบอื่นๆ อีกทั้งภาครัฐยังไม่ได้ประโยชน์อะไรจากการเปิดเสรีเพราะไม่ต้องขออนุญาต 

เมื่อเปรียบเทียบ 2 รูปแบบที่เหลือ ผู้เขียนมองว่า ทางเลือกรูปแบบที่สามน่าจะมีความเหมาะสมกับประเทศไทยมากที่สุด เนื่องจากมีคนไทยจำนวนไม่น้อยที่เสพติดการพนัน ทำให้การเปิดเสรีคาสิโนในรูปแบบที่สองซึ่งเป็นการสนับสนุนให้คนไทยเล่นการพนันมากขึ้นจะก่อให้เกิดปัญหาสังคมมากจนอาจจะไม่คุ้มกับรายได้ภาครัฐที่จะเกิดขึ้น อันจะเห็นได้จากบทเรียนในอดีตที่ประเทศไทยเคยเปิดให้มีบ่อนเสรีถูกกฎหมายในสมัยรัชกาลที่ 2 โดยทางการได้รับอากรบ่อนเบี้ยจากการเปิดบ่อนจำนวนมาก แต่ในสมัยรัชกาลที่ 5 ได้ทรงโปรดเกล้าฯ ให้เลิกบ่อนการพนัน ด้วยพระองค์ทรงเห็นว่า การมีราษฎร์มัวเมาในการพนัน ย่อมเป็นเหตุนำไปสู่ความวิบัติ ทั้งส่วนตัวและส่วนรวม (เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง, 2554) 

รูปแบบที่สามจึงเป็นรูปแบบที่สร้างประโยชน์ให้กับภาคท่องเที่ยว สร้างรายได้ให้กับภาครัฐได้ในระดับหนึ่ง และในขณะเดียวกันก็ลดความเสี่ยงทางด้านสังคมให้เกิดขึ้นน้อยที่สุด