ดีป้า ปั้นผู้ประกอบการยุคใหม่ ส่งต่อดิจิทัลสู่ SME ท้องถิ่น
เร่งตั้ง d-station หนุนผู้ประกอบการยุคใหม่ สตาร์ทอัพ ส่งต่อเทคโนโลยีดิจิทัลถึงมือผู้ใช้งานระดับท้องถิ่น SME ตอบโจทย์นิยามเมืองอัจฉริยะ
อย่างที่เคยบอกไปในหลาย ๆ ตอนครับว่า เมืองอัจฉริยะ (Smart City) ในนิยามของ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) ของเราคือ เมืองที่ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ทันสมัยและชาญฉลาด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการและการบริหารจัดการเมือง ลดค่าใช้จ่ายและการใช้ทรัพยากรของเมืองแก่ประชากรเป้าหมาย
นิยามดังกล่าวสอดคล้องกับภารกิจที่ depa เราดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง นั่นคือ การส่งเสริมให้ประชาชนไทยในทุกระดับสามารถเข้าถึงและเลือกประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลที่เหมาะสมกับบริบทของตนเองในทุกมิติ
ล่าสุดเมื่อหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่ประชุมคณะอนุกรรมการพิจารณาการส่งเสริมและสนับสนุน depa มีมติเห็นชอบข้อเสนอโครงการที่ขอรับการส่งเสริมสนับสนุนการเริ่มต้นธุรกิจอุตสาหกรรมดิจิทัล (Digital Startup) ในบริษัทหมวดผู้ประกอบการให้บริการเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลชุมชน (Digi-preneur) หรือ d-station จำนวน 3 โครงการ ประกอบด้วย BKT Digital Solution จังหวัดระยอง ศูนย์พัฒนาธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่ม จังหวัดนครราชสีมา และ Co-working Space and Technology Nakhon Sawan Center จังหวัดนครสวรรค์
ทีนี้ท่านผู้อ่านคงมีคำถามว่า เจ้าโครงการที่ว่ามาเกี่ยวข้องอะไรกับเมืองอัจฉริยะ?
ผมต้องเกริ่นอย่างนี้ครับว่า โครงการส่งเสริมสนับสนุนการเริ่มต้นธุรกิจอุตสาหกรรมดิจิทัล ในบริษัทหมวดผู้ประกอบการให้บริการเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลชุมชน ถือเป็นรูปแบบใหม่ของการส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดผู้ประกอบการยุคใหม่ หรือที่เราเรียกว่า Digi-preneur ซึ่งจะเป็นตัวกลางในการส่งต่อเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลจาก Digital Startup และผู้ให้บริการดิจิทัล (Digital Provider) สัญชาติไทยที่ขึ้นทะเบียนกับ depa ซึ่งมีจำนวนมากกว่า 300 ราย และมีผลิตภัณฑ์/บริการดิจิทัล ไม่น้อยกว่า 700 รายการไปยังกลุ่มผู้ใช้งานระดับท้องถิ่น ภายใต้การดำเนินธุรกิจผ่าน d-station
แล้ว d-station มีความสำคัญอย่างไร?
d-station จะทำหน้าที่เสมือน ‘ร้านสะดวกซื้อดิจิทัล’ โดยมี Digi-preneur เป็นผู้ช่วยให้คำแนะนำ เป็นที่ปรึกษา ถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านดิจิทัล และจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์/บริการของเครือข่ายดิจิทัลสตาร์ทอัพที่เหมาะสมกับบริบทของผู้ใช้งานในแต่ละกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นผู้ประกอบการ SMEs ผู้ประกอบการรายย่อย อย่างพ่อค้าแม่ค้า หาบเร่ แผงลอย รวมถึงเกษตรกร ชุมชนในชนบท และวิสาหกิจชุมชน
สรุปก็คือ กระบวนการดังกล่าวนอกจากจะเป็นการส่งเสริมศักยภาพผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่จะเป็นกำลังสำคัญในการยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนและธุรกิจท้องถิ่นแล้ว ยังเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยให้เกิดการขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองอัจฉริยะในระดับพื้นที่ด้วยเทคโนโลยี/บริการดิจิทัล
นอกจากนี้ยังเป็นการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายให้กับดิจิทัลสตาร์ทอัพและผู้ให้บริการดิจิทัลสัญชาติไทย อีกทั้งเป็นการเพิ่มโอกาสการเข้าถึงเทคโนโลยีดิจิทัลแก่กลุ่มผู้ใช้งานระดับท้องถิ่น เพื่อนำไปประยุกต์ใช้ยกระดับประสิทธิภาพการผลิตได้สะดวกยิ่งขึ้น และนำไปสู่การเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า รวมถึงเปลี่ยนผ่านธุรกิจสู่ยุคดิจิทัล ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลของประเทศไทย
โดย depa เราตั้งเป้าที่จะขยายจำนวน d-station ให้ครอบคลุมในทุกภูมิภาคทั่วประเทศ ซึ่งในระยะเริ่มต้น เราตั้งใจที่จะดำเนินการใน 5 จังหวัด ประกอบด้วย นครราชสีมา บุรีรัมย์ นครสวรรค์ ประจวบคีรีขันธ์ และระยอง
สำหรับผู้สนใจขอรับการส่งเสริมและสนับสนุนสามารถติดตามประกาศข้อเสนอโครงการฯ ได้ทางเว็บไซต์: www.depa.or.th/depafund, LINE OA: depaThailand และเพจเฟซบุ๊ก: depa Thailand โดย depa พร้อมทำงานเพื่ออนาคตของคนไทย และเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลไทยให้อยู่ในระดับชั้นนำของโลกตามวิสัยทัศน์ We work smart every day to build a world-class digital economy and to help people perform better, think faster and live better.
โดย : ผศ.ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa)


