ผู้ประกอบการห้ามพลาด "ภาษีซื้อต้องห้าม" มีอะไรบ้าง เช็กให้ดี!
ผู้ประกอบการต้องทำความรู้จักกับภาษีซื้อให้ดีๆ ว่าเป็นภาษีซื้อต้องห้ามหรือไม่ หากนำมาคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มอาจจะถึงขั้นโดนจำคุกแถมยังโดนเบี้ยปรับ เงินเพิ่ม
เมื่อผู้ประกอบกิจการที่ได้จดภาษีมูลค่าเพิ่ม จำเป็นต้องออกใบกำกับภาษีทุกครั้งที่เกิดการซื้อขายหรือบริการ โดยทั่วไปหากผู้ประกอบการมีการซื้ออุปกรณ์เครื่องใช้ วัตถุดิบต่างๆ เพื่อใช้ในกิจการ จำเป็นต้องขอใบกำกับภาษีจากผู้ขายทุกครั้ง เพื่อนำกลับมาใช้เป็นภาษีซื้อของกิจการได้
ดังนั้นผู้ประกอบการต้องทำความรู้จักกับภาษีซื้อให้ดีๆ ว่าเป็นภาษีซื้อต้องห้ามหรือไม่ หากนำมาคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มอาจจะถึงขั้นโดนจำคุกแถมยังโดนเบี้ยปรับ เงินเพิ่ม (ดอกเบี้ย) พ่วงมาด้วยก็เป็นได้ แล้วข้อมูลภาษีซื้อต้องห้ามมีอะไรบ้าง ลองมาศึกษาไปพร้อมๆ กันได้เลย
6 ลักษณะสำคัญที่ควรรู้เกี่ยวกับ "ภาษีซื้อต้องห้าม"
ภาษีมูลค่าเพิ่มที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ถูกผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มอื่นเรียกเก็บจากการซื้อสินค้าหรือรับบริการ เพื่อใช้ในการประกอบกิจการของตนเอง หรือที่เรียกว่า "ภาษีซื้อ" โดยภาษีซื้อ สามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ
ประเภทแรกเป็นภาษีซื้อที่กฎหมายให้นำมาหักออกจากภาษีขายหรือขอคืนภาษีซื้อ ซึ่งต้องเป็นภาษีซื้อที่เกิดจากการซื้อสินค้าหรือรับบริการที่ถูกเรียกเก็บจากผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มรายอื่น หรือภาษีซื้อที่เกิดจากการนำเข้าสินค้า การรับโอนสินค้านำเข้า การขายทอดตลาดทรัพย์สิน และไม่เป็นภาษีซื้อที่กฎหมายไม่ให้นำมาหักออกจากภาษีขายหรือขอคืนภาษีซื้อ
และอีกประเภทเป็นภาษีซื้อต้องห้าม เป็นภาษีซื้อที่กฎหมายไม่ให้นำมาหักออกจากภาษีขาย หรือขอคืนภาษีซื้อได้ ซึ่งกฎหมายได้กำหนดลักษณะของภาษีซื้อต้องห้ามไว้ในมาตรา 82/5 แห่งประมวลรัษฎากร ดังนี้
1.ไม่มีใบกำกับภาษี ใบกำกับภาษีสูญหาย หรือไม่อาจแสดงใบกำกับภาษีได้
-ไม่มีใบกำกับภาษี เนื่องจากผู้ขายสินค้าหรือผู้ให้บริการไม่ออกใบกำกับภาษี หรือออกใบกำกับภาษีแต่ระบุชื่อบุคคลอื่น
-ใบกำกับภาษีสูญหายหรือไม่อาจแสดงใบกำกับภาษีได้ เป็นกรณีที่ได้ซื้อสินค้าหรือรับบริการจริงแต่ไม่อาจแสดงต่อเจ้าพนักงานสรรพากรได้ แก้ไขโดยการร้องขอใบแทนใบกำกับภาษีจากผู้ขายสินค้าหรือผู้ให้บริการที่ออกใบกำกับภาษี เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการนำภาษีซื้อไปหักออกจากภาษีขายหรือขอคืนภาษีซื้อ
2.กรณีใบกำกับภาษีมีข้อความไม่ถูกต้องหรือไม่สมบูรณ์ในส่วนที่เป็นสาระสำคัญตามที่กฎหมายกำหนด
ใบกำกับภาษีที่นำมาหักออกจากภาษีขายหรือขอคืนภาษีซื้อ ต้องเป็นใบกำกับภาษีแบบเต็มรูป และต้องมีข้อความตามมาตรา 86/4 แห่งประมวลรัษฎากร หากใบกำกับภาษีมีข้อความไม่ถูกต้องครบถ้วนตามที่กฎหมายกำหนดภาษีซื้อนั้นจะเป็นภาษีซื้อต้องห้าม ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มควรตรวจสอบใบกำกับภาษีว่ามีรายการครบถ้วนตามที่กฎหมายกำหนดหรือไม่ก่อนที่จะรับใบกำกับภาษีนั้นมาใช้
3.ภาษีซื้อที่ไม่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการประกอบกิจการของผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
ภาษีซื้อที่นำมาหักออกจากภาษีขายหรือขอคืนภาษีซื้อ ต้องเป็นภาษีซื้อที่เกิดจากรายจ่ายเพื่อกิจการ หรือเพื่อหากำไรของผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม หากภาษีซื้อนั้นไม่เกี่ยวข้องกับกิจการหรือเพื่อหากำไรของผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีซื้อนั้นเป็นภาษีซื้อต้องห้าม ถึงแม้ใบกำกับภาษีนั้นจะมีรายการตามมาตรา 86/4 แห่งประมวลรัษฎากรก็ตาม
4.ภาษีซื้อที่เกิดจากรายจ่ายเพื่อการรับรองหรือเพื่อการอันมีลักษณะทำนองเดียวกัน
ภาษีซื้อที่เกิดจากรายจ่ายเพื่อการรับรองหรือเพื่อการอันมีลักษณะทำนองเดียวกันที่ไม่ให้นำมาหักออกจากภาษีขายหรือขอคืนภาษีซื้อ
-ค่ารับรองหรือค่าบริการไม่ว่าจะจ่ายเพื่อการรับรองหรือให้บริการแก่บุคคลใดๆ และไม่ว่าจะอำนวยประโยชน์แก่กิจการหรือไม่ก็ตาม เช่น ค่าที่พัก ค่าอาหาร ค่าเครื่องดื่ม ค่ามหรสพ ค่าใช้จ่ายเพื่อการกีฬา และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ทำนองเดียวกัน
-ค่าสิ่งของหรือประโยชน์อื่นใดที่ให้แก่บุคคลซึ่งได้รับการรับรอง หรือรับบริการ หรือที่ให้บุคคลอื่น
5.ภาษีซื้อตามใบกำกับภาษีที่ออกโดยผู้ไม่มีสิทธิออกใบกำกับภาษี
ภาษีซื้อตามใบกำกับภาษีที่ออกโดยผู้ไม่มีสิทธิออกใบกำกับภาษีเป็นภาษีซื้อที่ไม่ให้นำมาหักออกจากภาษีขายหรือขอคืนภาษีซื้อ
ผู้ไม่มีสิทธิออกใบกำกับภาษี มีดังนี้
-บุคคลที่ไม่ใช่ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
-ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มที่อยู่นอกราชอาณาจักร และมีตัวแทนทำการออกใบกำกับภาษีในนามของผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
-ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มที่ทรัพย์สินถูกนำออกขายทอดตลาดหรือขายโดยวิธีอื่นโดยบุคคลอื่น
6.ภาษีซื้อตามประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 42)
ภาษีซื้อต้องห้ามอะไรบ้างที่อธิบดีกรมสรรพากรประกาศห้าม
ภาษีซื้อตามประกาศอธิบดีกรมสรรพากรที่กฎหมายไม่ให้นำมาหักออกจากภาษีขายหรือขอคืนภาษีซื้อ มีดังนี้
-ภาษีซื้อที่เกิดจากการซื้อ เช่าซื้อ เช่า หรือรับโอนรถยนต์นั่งและรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน และภาษีซื้อที่เกิดจากการซื้อสินค้าหรือการรับบริการที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์นั่งและรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน ตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต
-ภาษีซื้อตามใบกำกับภาษีอย่างย่อ
-ภาษีซื้อที่เกิดจากการซื้อทรัพย์สินเพื่อใช้ หรือจะใช้ในกิจการประเภทที่ไม่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือภาษีซื้อที่เกิดจากรายจ่ายของกิจการประเภทที่ไม่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม
-ภาษีซื้อที่เกิดจากการก่อสร้างอาคารหรืออสังหาริมทรัพย์อื่น เพื่อนำมาใช้ในกิจการของตนเอง ซึ่งเป็นกิจการประเภทที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีซื้อดังกล่าวให้มีสิทธินำมาหักออกจากภาษีขายในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม ต่อมาผู้ประกอบการได้ขายหรือให้เช่าอาคารหรืออสังหาริมทรัพย์นั้น หรือนำไปใช้ในกิจการประเภทที่ไม่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มภายใน 3 ปี นับแต่เดือนภาษีที่ก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์ ภาษีซื้อนั้นเป็นภาษีซื้อต้องห้ามตั้งแต่ต้น
-ภาษีซื้อตามใบกำกับภาษีเต็มรูปตามมาตรา 86/4 แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งมีรายการในใบกำกับภาษีไม่ได้พิมพ์หรือจัดทำขึ้นด้วยคอมพิวเตอร์ กรณีจัดทำใบกำกับภาษีด้วยคอมพิวเตอร์ทั้งฉบับ
-ภาษีซื้อตามใบกำกับภาษีเต็มรูปตามมาตรา 86/4 แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งมีรายการในใบกำกับภาษีเป็นสำเนา เป็นภาษีซื้อต้องห้าม แต่ไม่รวมถึงใบกำกับภาษีที่ได้จัดทำรวมกับเอกสารทางการค้าอื่นซึ่งมีจำนวนหลายฉบับ และใบกำกับภาษีมีรายการในใบกำกับภาษีเป็นสำเนามีข้อความว่า “เอกสารออกเป็นชุด” ปรากฏอยู่ด้วย
-ภาษีซื้อส่วนที่เฉลี่ยเป็นของกิจการประเภทที่ไม่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งได้คำนวณตามหลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไขตามประกาศอธิบดีกรมสรรพากร
-ภาษีซื้อที่เกิดจากการซื้อสินค้าหรือรับบริการ ซึ่งผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มนำมาใช้ หรือจะใช้ในการประกอบกิจการทั้งประเภทที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม
-ภาษีซื้อตามใบกำกับภาษีเต็มรูปซึ่งรายการได้ถูกแก้ไขเปลี่ยนแปลงเป็นภาษีซื้อต้องห้าม เว้นแต่รายการซึ่งได้ถูกแก้ไขเปลี่ยนแปลงตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่อธิบดีกรมสรรพากรกำหนด
เปิดข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับภาษีซื้อต้องห้าม
ทางกรมสรรพากรมีการอัพเดตข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับภาษีซื้อที่ไม่ให้นำไปหักในการคำนวณภาษี โดยระบุไว้ดังนี้
ภาษีซื้อจาการโอนทรัพย์สินหลักประกันเพื่อชำระหนี้ของลูกหนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขที่ได้ออกตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ไม่สามารถนำไปหักในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มได้
นอกจากนี้การขายทรัพย์สินให้แก่ทรัสตรีของกองทรัสต์ที่มีข้อกำหนดขายคืนของบริษัทหรือห้าหุ้นส่วนนิติบุคคล ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่ได้ออกตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร ไม่สามารถนำไปหักในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มได้
กล่าวโดยสรุป
ภาษีซื้อต้องห้าม สามารถแยกออกได้เป็น 2 ประเภทด้วยกัน คือ ภาษีซื้อต้องห้ามที่ไม่สามารถลงเป็นค่าใช้จ่ายได้เลย และไม่สามารถนำมาหักกับภาษีขายได้ อีกประเภทเป็นภาษีซื้อต้องห้ามที่เป็นค่าใช้จ่ายของกิจการแต่ใบกำกับภาษีไม่ถูกต้อง กรณีนี้ทางผู้ประกอบการสามารถลงเป็นค่าใช้จ่ายได้ แต่ไม่สามารถลงเป็นภาษีซื้อได้ ต้องลงในภาษีซื้อต้องห้ามเท่านั้น
จากข้อมูลที่กล่าวมาข้างต้นผู้ประกอบการห้ามพลาดเด็ดขาดเกี่ยวกับภาษีซื้อต้องห้าม ถ้าหากผิดพลาดผลที่จะตามมาคือเบี้ยปรับ เงินเพิ่มต่างๆ มากมาย ทั้งนี้ผู้ประกอบการยังใช้ข้อมูลดังกล่าวเป็นแนวทางในการเลือกซื้อสินค้าและวัตถุดิบเพื่อใช้ประโยชน์ทางภาษีอย่างคุ้มค่าได้อีกด้วย
อ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่ Inflow Accounting


