เปิดวิธีการเสียภาษีในธุรกิจ SMEs ให้น้อยลง
ในทุกๆ ปี มีผู้ประกอบธุรกิจ SMEs ที่ต้องเสียภาษีไปเป็นจำนวนมาก จะดีกว่าแค่ไหน ถ้าเราสามารถวางแผนการจ่ายภาษีให้น้อยลงได้ แล้วแผนการจ่ายภาษีให้น้อยลงทำได้อย่างไรบ้าง ไปศึกษาจากข้อมูลต่างๆ ที่จะนำเสนอต่อจากนี้ได้เลย
ธุรกิจ SMEs เป็นธุรกิจแบบไหน
หลายท่านคงทราบดีว่าธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือที่เรียกว่า SMEs ซึ่งเป็นตัวย่อภาษาอังกฤษ ที่คุ้นตามาก ไม่ว่าจะเป็นแบบบุคคลธรรมดา แบบคณะบุคคล ห้างหุ้นส่วนจำกัด หรือบริษัทจำกัด นอกจากนี้ยังเป็นธุรกิจที่มีความคล่องตัว ต้นทุนในการลงทุนต่ำ มีลูกจ้างจำนวนน้อย มีอิสระในการประกอบธุรกิจ ซึ่งมีการประกอบกิจการหลัก 3 แบบ คือ
1.กิจการบริการ เป็นกิจการที่ให้บริการหรือขายบริการเป็นหลัก ไม่ได้จำหน่ายสินค้า เช่น กิจการโรงแรม สำนักงานรับทำบัญชี ร้านเสริมสวย ร้านอาหาร และกิจการที่เกี่ยวข้องกับการบริการทั้งหมด
2. กิจการการผลิต เป็นกิจการที่นำวัตถุดิบมาแปรรูปเป็นสินค้าสำเร็จรูป โดยครอบคลุมการผลิตทั้งในภาคเกษตรกรรม กิจการเหมืองแร่ และการผลิตที่นำวัตถุดิบที่มีอยู่เดิมมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ
3.กิจการการค้า เป็นกิจการที่ไม่ได้มีการผลิตสินค้าเอง แต่เป็นการซื้อสินค้าสำเร็จรูปมาเพื่อจำหน่าย จะเน้นในการจำหน่ายเพียงอย่างเดียว หรือที่นิยมเรียกว่ากิจการซื้อมาขายไป ประกอบด้วยกิจการค้าส่งและกิจการค้าปลีก เช่น กิจการขายเครื่องออกกำลังกาย กิจการขายสินค้าสำเร็จรูป
ภาษีที่ธุรกิจ SMEs ต้องเสีย
ในข้อนี้จะกล่าวถึงหน้าที่ในการเสียภาษีของธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง ว่าต้องมีหน้าที่ในการเสียภาษีสำหรับธุรกิจ SMEs อย่างไรบ้าง
1.ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา คือภาษีที่ผู้ประกอบธุรกิจ SMEs ไม่ได้จดทะเบียนนิติบุคคล ซึ่งเป็นภาษีที่จัดอยู่ในประเภทที่ 8 เงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(8) โดยให้นำรายได้ตลอดทั้งปีมาคำนวณหักลบด้วยค่าใช้จ่ายต่างๆ สามารถเลือกนำมาหักแบบเหมาๆ หรือหักแบบตามจริงก็ได้เช่นกัน ซึ่งการนำมาหักแบบตามจริงจะต้องมีความพร้อมเกี่ยวกับเรื่องเอกสารต้องให้ครบถ้วน ถ้าเอกสารขาดตกไปจะทำให้เสียผลประโยชน์
ฉะนั้นจึงต้องมีการจัดเก็บเอกสารโดยละเอียดเป็นอย่างดี และยังมีส่วนหักค่าลดหย่อน พอได้ข้อมูลครบถ้วนจากนั้นนำไปคำนวณภาษีเงินได้ตามอัตราภาษีก้าวหน้าได้เลย
2.ภาษีเงินได้นิติบุคคล สำหรับเจ้าของธุรกิจ SMEs ที่จดทะเบียนแบบ “นิติบุคคล” นั้น โดยผู้ประกอบการมีหน้าที่เสียภาษีเงินได้นิติบุคคล โดยคำนวณภาษีจากกำไรสุทธิ ซึ่งกิจการ SMEs ที่มีกำไรสุทธิไม่เกิน 300,000 บาท จะได้รับยกเว้นภาษี และสามารถหักค่าใช้จ่าย ค่าใช้จ่ายต่างๆ ได้สูงสุด 2 เท่า
ลดภาษีในธุรกิจ SMEs ได้อย่างไรบ้าง
1.ข้อยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล
“นิติบุคคล” ที่จดทะเบียนเป็นบริษัทจำกัดหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล และมีทุนจดทะเบียนชำระแล้วในวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีไม่เกิน 5 ล้านบาท และมีรายได้จากการขายสินค้าและให้บริการไม่เกิน 30 ล้านบาทต่อปี ต่อเนื่องกันตั้งแต่รอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลังปี 2555 เป็นต้นมา ได้รับยกเว้นภาษีหากกำไรสุทธิไม่เกิน 300,000 บาท
2.มีข้อได้เปรียบทางภาษีหากจ้างงานในกลุ่มผู้สูงอายุ
หากเจ้าของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลมีการว่าจ้างกลุ่มผู้สูงอายุเข้าทำงาน ซึ่งลูกจ้างกลุ่มผู้สูงอายุต้องมีอายุตั้งแต่ 60 ปีบริบูรณ์ขึ้นไปเท่านั้น ถึงจะรับสิทธินี้ได้ และสามารถนำมาหักค่าใช้จ่ายได้ถึง 2 เท่าของอัตราค่าจ้าง ยกตัวอย่างเช่น มีบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่จ้างงานผู้สูงอายุเข้าทำงาน ตกลงจ่ายค่าจ้าง 15,000 บาท (ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 15,000 บาท) จะสามารถหักค่าใช้จ่ายได้ 30,000 บาท โดยมีเงื่อนไขดังนี้
- ถ้าผู้สูงอายุทำงานหลายแห่ง ให้บริษัทที่รับทำงานก่อนได้รับสิทธิ
- ค่าจ้างผู้สูงอายุเฉพาะรายที่จ่ายไม่เกินเดือนละ 15,000 บาท
- ผู้สูงอายุที่จ้าง ต้องมีจำนวนไม่เกิน 10% ของจำนวนพนักงานทั้งหมด
- ต้องไม่เป็นหรือเคยเป็นกรรมการหรือผู้ถือหุ้นของบริษัทที่จ้าง หรือบริษัทในเครือ
- เมื่อนำค่าจ้างผู้สูงอายุทั้งหมดมารวมกัน ต้องมีจำนวนไม่เกินร้อยละ 10 ของรายจ่ายค่าจ้างทั้งหมดของกิจการนั้นๆ
- ต้องเป็นผู้สูงอายุที่เป็นลูกจ้างของบริษัทอยู่ก่อนแล้ว หรือขึ้นทะเบียนกับกรมการจัดหางาน
3.มีทรัพย์สินสามารถนำมาหักเป็นค่าเสื่อมราคาได้
ทรัพย์สินต่างๆ ที่มีภายในบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล และเป็นสินทรัพย์ถาวร (อาคารและอุปกรณ์) ไม่รวมที่ดิน ไม่เกิน 200 ล้านบาท และมีการจ้างงานไม่เกิน 200 คน สามารถนำมาหักเป็นค่าเสื่อมราคาได้ดังนี้
- สามารถหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาทรัพย์สินประเภทคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ได้ร้อยละ 40 ของมูลค่าต้นทุนในวันที่ได้มา ส่วนที่เหลือทยอยหักภายใน 3 รอบ ระยะเวลาบัญชี (ร้อยละ 33.33 ต่อปี) (โปรแกรมคอมพิวเตอร์เป็นลิขสิทธิ์ กรณีไม่จำกัดอายุการใช้ จำนวนปีที่หักค่าสึกหรอต้องไม่น้อยกว่า 10 รอบระยะเวลาบัญชี)
- สามารถหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาทรัพย์สินประเภทอาคารโรงงานได้ร้อยละ 25 ของมูลค่าต้นทุนในวันที่ได้มา ส่วนที่เหลือทยอยหักภายใน 20 รอบระยะเวลาบัญชี (ร้อยละ 5 ต่อปี)
- สามารถหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาทรัพย์สินประเภทเครื่องจักและอุปกรณ์ของเครื่องจักรได้ร้อยละ 40 ของมูลค่าต้นทุนในวันที่ได้มา ส่วนที่เหลือทยอยหักภายใน 5 รอบระยะเวลาบัญชี (ร้อยละ 20 ต่อปี)
4.การวิจัย พัฒนาเทคโนโลยี และนวัตกรรม สามารถทำการหักรายจ่ายได้ 2 เท่า
บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลหักรายจ่ายเพื่อการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมได้ 2 เท่า โดยมีเงื่อนไขคือ
- เป็นรายจ่ายที่จ่ายเพื่อการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม ให้แก่หน่วยงานของรัฐหรือเอกชนที่ได้รับการประกาศกำหนด
- บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ต้องการใช้สิทธิ์ ต้องยื่นโครงการฯ ต่อ สวทช. เพื่อตรวจสอบและรับรอง
5.สามารถทำการหักค่าใช้จ่ายได้ 2 เท่า ในส่วนของการฝึกอบรมพัฒนาฝีมือแรงงาน
บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลสามารถหักรายจ่ายในการฝึกอบรมพัฒนาฝีมือแรงงานได้ 2 เท่า โดยมีเงื่อนไขดังนี้
5.1 กรณีฝึกอบรมให้ลูกจ้างของตนเอง
- เป็นหลักสูตรที่จัดทำขึ้นเพื่อพัฒนาฝีมือแรงงานของลูกจ้าง ซึ่งได้รับการรับรองจากกระทรวงแรงงาน และค่าใช้จ่ายเป็นไปตามอัตราที่ได้รับอนุมัติจากกระทรวงแรงงาน
- ต้องเป็นไปเพื่อประโยชน์ของกิจการ
- ต้องจัดทำทะเบียนลูกจ้างเพื่อเป็นหลักฐานการทำงาน
- กำหนดเงื่อนไขให้กลับเข้าทำงาน
- อุปกรณ์ที่จะใช้ในการฝึกอบรม ต้องกำหนดลักษณะ ขนาด และคุณสมบัติเพื่อไม่ให้ปะปนกับที่ใช้ในการประกอบกิจการตามปกติของบริษัท
5.2 กรณีส่งลูกจ้างเข้ารับการศึกษา หรือฝึกอบรม
- ค่าใช้จ่ายการศึกษา เช่น ค่าเล่าเรียน หรือค่าใช้จ่ายการฝึกอบรม เช่น ค่าลงทะเบียน รวมถึงค่าอาหาร ค่าที่พัก ค่าเดินทาง ที่สถานศึกษาหรือสถานฝึกอบรมเรียกเก็บจากบริษัท
- มีใบเสร็จรับเงินของสถานศึกษาหรือสถานฝึกอบรม
- กำหนดเงื่อนไขให้กลับเข้าทำงานหลังศึกษา/ฝึกอบรมเสร็จ
- จัดทำรายงานค่าใช้จ่ายดังกล่าว
เพิ่มความรู้ช่วยลดภาระภาษี SMEs ได้อย่างยั่งยืน
ทั้งหมดทั้งมวลที่ได้กล่าวมาข้างต้น เป็นเพียงแนวทางเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ในการนำไปลดหย่อนภาษีในธุรกิจ SMEs เพื่อช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้กับธุรกิจขนาดต่างๆ ได้เป็นอย่างดี เพียงนำไปปรุงแต่งให้ตรงกับธุรกิจของตนเองเท่านั้น
อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมได้ที่ Inflow Account