การเมืองเรื่องที่บ่แน่
ชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ ว่าใครเป็นใคร ใครจะจับกับใคร รวมถึงใครไม่ร่วมมือกับใคร
เรื่อง ณ กาฬ เลาหะวิไลย
ชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ ว่าใครเป็นใคร ใครจะจับกับใคร รวมถึงใครไม่ร่วมมือกับใคร
ที่เพิ่งเกิดขึ้น อาทิ ฐิติมา ฉายแสง อดีตผู้สมัคร สส.เขต 1 ฉะเชิงเทรา พรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) น้องสาว จาตุรนต์ ฉายแสง อดีตประธานยุทธศาสตร์พรรคไทยรักษาชาติ ได้ส่งรถติดเครื่องขยายเสียงประกาศว่า ขอคะแนนให้กิตติชัย เรืองสวัสดิ์ พรรคอนาคตใหม่
คงจำกันได้ว่า พรรคไทยรักษาชาติถูกศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ให้ยุบพรรค จากการกระทำที่อาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
บรรดาผู้สมัครของพรรคจึงหมดสภาพไปโดยปริยาย ถ้าไม่ปล่อยเลยตามเลย ก็ต้องหาทางเทคะแนนของตัวเองให้คนอื่น
ทางเลือกแรกๆ อาทิ พรรคเพื่อไทย จะเทคะแนนไปให้หมดก็ทำไม่ได้ เนื่องจากมีปัญหาบางเขตไม่ส่ง สส.ทับซ้อนกันตั้งแต่แรก
สุดท้ายคะแนนที่มา หรือเสียงที่สนับสนุนเลยต้องไปเทให้พรรคอื่น ซึ่งดูแล้วเป็นพรรค หรือพวกที่แนวทางเดียวกัน
อย่างกรณีฐิติมา ที่เชื่อว่าถ้าพรรคไทยรักษาชาติไม่ถูกยุบก็เชื่อว่าจะชนะการเลือกตั้ง
แต่เมื่อถูกยุบพรรคไปแล้ว แนวทางที่ดีที่สุดคือต้องแนะนำให้หันไปเลือกพรรคอื่นเพื่อให้มีโอกาสชนะการเลือกตั้ง
เมื่อดูแล้วเห็นว่าพรรคอนาคตใหม่มีโอกาส โดยเฉพาะบิดาของกิตติชัยรู้จักกันกับฐิติมา
ถือเป็นรูปแบบของการเทคะแนนที่ชัดเจน ประกาศให้ประชาชนที่รักชอบกัน ช่วยกันเลือกผู้สมัคร พรรคที่ตัวเองต้องการสนับสนุน ภายใต้สารพัดเหตุผลที่จะอธิบายออกมา
สำหรับเขตอื่นๆ จะเป็นอย่างไรก็ต้องไปดูกันเป็นรายพื้นที่
แต่เชื่อได้ว่ากลุ่มนี้จะเทคะแนนไปยังพรรคที่ไม่เอาลุงตู่ ไม่ว่าจะเป็นเสรีประชาธิปไตย อนาคตใหม่ ฯลฯ ก็ว่ากันตามสะดวก
นี่เป็นการแสดงความชัดเจนของซีกการเมืองแรก ที่ไม่เอาลุงตู่ ไม่เอาพรรคที่สนับสนุนลุงตู่ โดยทำการสลับสับเปลี่ยนคะแนนที่คาดว่าจะมีอยู่ในมือไปให้ผู้ที่เดินเส้นทางเดียวกัน
อีกด้าน ประชาธิปัตย์ ก็ประกาศมาจากอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค ไม่สนับสนุนลุงตู่เป็นนายกฯ แต่ทว่าจะรวมกับพลังประชารัฐก็ไม่รังเกียจ
จะเป็นอย่างไรก็แปลกันเอาเอง
กลุ่มสุดท้าย พลังประชารัฐเป็นแกนหลักก็จะสนับสนุนลุงตู่ให้กลับมาเป็นนายกฯ อีกรอบ
เท่ากับเป็นการแบ่งแยกวิถีทางอย่างชัดเจน
จะเลือกใคร จะกาพรรคไหน ก็ว่ากันไปตามที่เห็นควร เห็นชอบ
แต่สิ่งต้องทำใจไว้เนิ่นๆ ก็คือ คำประกาศก่อนการเลือกตั้ง กับหลังเลือกตั้ง อาจไม่ตรงกันก็ได้
ในทางการเมืองแล้ว เงื่อนไขต่างๆ เกิดขึ้นได้เสมอ ทำให้อะไรที่ว่าแน่ มันก็กลับไม่แน่ขึ้นมา
เรียกได้ว่าถ้าเงื่อนไขเปลี่ยน ทุกอย่างก็เปลี่ยนได้หมด
การเมืองไทยก็เป็นอย่างนี้ และจะเป็นไปอีกนาน
อย่าเอาจริงเอาจังมากเกิน สุดท้ายจะปวดหัวเปล่าๆ