วาจาอิทธิพล

โดย...ณ กาฬ เลาหะวิไลย

การแทรกแซงด้วยวาจา หรือ Verbal Intervention เคยเป็นมาตรการที่ธนาคารกลางทั่วโลกใช้สำหรับแทรกแซงนโยบายการเงิน ไม่ว่าจะเป็นอัตราแลกเปลี่ยน ค่าเงิน

เพราะการแทรกแซงด้วยวาจา ไม่ต้องเสียกำลังใดๆ ไม่ต้องใช้เงิน เพียงแต่ผู้ที่มีอำนาจตัดสินใจ พูด เท่านั้น ผลก็เกิดขึ้นทันที

แต่ยุคนี้ ปรากฏว่ามีการใช้วิธีแทรกแซงด้วยวาจา เพื่อกำหนดนโยบายสารพัดแบบชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ

ตัวพ่อที่ต้องพูดถึงคือ ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ

วิธีการของทรัมป์ จะใช้ทวิตเตอร์ส่งข้อความกดดันในเรื่องต่างๆ อย่างมากมาย

จาก การแทรกแซงด้วยวาจา จึงกลายเป็น การแทรกแซงด้วยทวีต

อะไรไม่พอใจ ขัดหู ขัดตา ทรัมป์เป็นทวีตหมด

และเมื่อแทรกแซงไปแล้วก็ดูเหมือนว่าจะได้ผลเสียด้วย

อย่างการที่ธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตั้งแต่ช่วงปีที่แล้ว ปรากฏว่า ทรัมป์ ก็ทวีตแทรกแซงเฟดมาตลอด โดยระบุว่า อย่าทำผิดซ้ำ 2 หรือการขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะทำให้เศรษฐกิจอเมริกันมีปัญหา

มิหนำซ้ำ บางคราวยังสั่งสอนด้วยว่า ธนาคารกลางสหรัฐควรทำความเข้าใจกับสภาพตลาดจริงๆ แทนการสนใจเพียงแต่ตัวเลขที่ไร้ความหมาย และควรจะอ่านบทความจากวอลสตรีท เจอร์นัล ก่อนตัดสินใจขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย

สุดท้ายเมื่อไม่กี่วันมานี้ ธนาคารกลางสหรัฐประกาศจะชะลอการขึ้นดอกเบี้ยไปก่อน โดยอ้างว่าเป็นเหตุมาจากปัจจัยเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไป ไม่ใช่การแทรกแซงจากทรัมป์

หรืออย่างกรณีราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทรัมป์ทวีตข้อความทำนอง ราคาน้ำมันพุ่งสูงเกินไป โอเปกโปรดผ่อนคลาย และทำให้ง่าย โลกไม่สามารถขึ้นราคาได้ เปราะบาง

ผลที่ตามมาก็คือ ราคาน้ำมันปรับลดลง จนกลุ่มโอเปกขยับเดินหน้า ลดกำลังการผลิตลงมาอีก เพื่อดันราคาน้ำมันไม่ให้ลดต่ำลง

แม้กระทั่งปัญหาการค้ากับจีน ทรัมป์ ก็ทวีตโจมตีจีนมาโดยตลอด

กระทั่งล่าสุด เมื่อสถานการณ์คลี่คลาย ทรัมป์ก็ค่อยยาหอมจีนพร้อมที่จะเจรจาข้อตกลงการค้าฉบับใหม่กับสหรัฐ โดยจะกลับมาซื้อสินค้าจากสหรัฐ ฯลฯ

ที่เพิ่งทวีตหมาดๆ เมื่อทรัมป์บินไปพบกับประธานาธิบดี คิมจองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ช่วงวันที่ 27-28 ก.พ. โดย ทรัมป์ ระบุว่าเกาหลีเหนืออาจกลายเป็นหนึ่งในมหาอำนาจทางเศรษฐกิจของโลกได้ ถ้ายอมล้มเลิกการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์

นอกจากนั้น เกาหลีเหนือมีศักยภาพในการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วมากกว่าประเทศอื่นๆ

ทรัมป์ยังแจกยาหอมด้วยว่า ทั้งสองฝ่ายคาดหวัง จะมีความก้าวหน้าต่อจากการประชุมสุดยอดในสิงคโปร์ที่เกิดขึ้นเมื่อเดือน มิ.ย.ปีที่แล้ว

ทั้งหมดคือผลของการแทรกแซงด้วยวาจา ที่ทรัมป์ทำแล้วประสบผล

และก็น่าจะเป็นตัวอย่างให้บรรดาผู้นำอื่นๆ เอาอย่างบ้าง

กระทั่งในบ้านเราก็จะเป็นแบบนี้ ไม่เชื่อก็ดูกันต่อไป