posttoday

ขึ้นค่าแรงไร้ประโยชน์

12 กุมภาพันธ์ 2562

ยุคนี้ผู้ใช้งานในโรงงานอุตสาหกรรมต่างต้องมีงานสำรอง หรืออาชีพเสริมไว้รองรับด้วยกันทั้งนั้น ไม่งั้นอยู่ไม่รอดในสภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้

เรื่อง กัปตัน ป.

ยุคนี้ผู้ใช้งานในโรงงานอุตสาหกรรมต่างต้องมีงานสำรอง หรืออาชีพเสริมไว้รองรับด้วยกันทั้งนั้น ไม่งั้นอยู่ไม่รอดในสภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้

ยิ่งคนงานระดับล่างๆ ที่ไม่รู้ว่าจะถูกไล่ออกจากงาน หรือโดนเลย์ออฟเมื่อไรก็ไม่รู้ได้ เพราะเดี๋ยวนี้หลายโรงงานในนิคมอุตสาหกรรม เช่น จ.ปราจีนบุรี เมืองแห่งนิคมอุตสาหกรรมระดับต้นๆ ของประเทศ เริ่มปรับโครงสร้างการจ้างงานจากคนไทยไปเป็นแรงงานต่างด้าวแทน ที่นำเข้าจากบริษัทจัดหางานระหว่างประเทศไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน เพราะค่าจ้างแรงงานต่างด้าวถูกกว่าแรงงานไทย ส่วนคนงานไทยที่ได้ทำงานอยู่ได้ในตอนนี้ก็ถือว่าโชคดี ส่วนคนที่โดนให้ออกก็ต้องยอมรับชะตากรรมไป

ตัวอย่างเช่น สาวโรงงานคนนี้ทำงานในโรงงานไก่แช่แข็งส่งออกประเทศญี่ปุ่น ตั้งอยู่ที่ อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี ชะตากรรมเธอไม่แน่นอน โดยเธอบอกว่าโรงงานของเธอเกินครึ่งโรงงานจ้างแรงงานจาก สปป.ลาว ได้ค่าจ้างวันละ 318 บาท ส่วนเธอได้ค่าจ้างและโอทีมากกว่าต่างด้าวเล็กน้อย ราวๆ 360 บาท/วัน หรือคิดเป็นรายเดือนหมื่นกว่าบาทเท่านั้น แต่ก็ยังไม่พอกินพอใช้ทั้งค่าผ่อนบ้าน ค่าผ่อนรถและค่าเล่าเรียนลูก จึงหันมาเดินเร่ขายข้าวโพดต้มในโรงงานยามพักเที่ยง

ทุกวันเธอต้องตื่นตั้งแต่ตีหนึ่งเพื่อมาต้มข้าวโพดวันละ 30 กิโลกรัม หิ้วข้าวโพดต้มอันหนักอึ้งด้วยสองแขนจากบ้านเพื่อไปรอรถโรงงานที่จะมารอรับตอนตี 4 ตรงหน้าหมู่บ้าน แต่ละวันได้กำไรวันละ 200 บาท สำหรับเธอถือว่าเยอะมากเพราะครึ่งหนึ่งของค่าจ้างขั้นต่ำเลยทีเดียว ในแต่ละวันทำงานวันละ 12-16 ชั่วโมง กว่าจะได้กลับบ้านหาครอบครัวราวๆ 3-4 ทุ่มขึ้นอยู่กับโอที

นายจ้างจ่ายค่าล่วงเวลา หรือโอทีชั่วโมงละ 62 บาทสำหรับคนไทย แต่หากเป็นต่างด้าวจะจ่ายต่ำกว่าเล็กน้อย ดังนั้นหากขยันมากก็ได้มาก แต่ถามว่าให้เลือกระหว่างทำโอที กับขายข้าวโพดต้มในโรงงาน เธอบอกว่าขายข้าวโพดต้มสุขกายสบายใจมากกว่า เพราะถ้าขายหมดก็กลับบ้านไปหาลูกและสามี แต่หากต้องเลือกทำโอทีกว่าจะได้เงิน 200 บาท ลองคิดดูต่ำๆ ต้องยืนสายพานในโรงงานอย่างน้อย 4 ชั่วโมง ดังนั้นยอมเหนื่อยตื่นตี 4 แบกข้าวโพดต้มหนัก 30 กิโลกรัมยังดีกว่าเอาตัวเองไปยืนสายพานปวดขาเพื่อเอาค่าโอทีอันน้อยนิดแถมต้องห่างครอบครัวอีก

เป็นที่น่าสังเกตว่าแรงงานต่างด้าวที่นำเข้ามาอายุเฉลี่ยส่วนใหญ่ประมาณ 20 ปีต้นๆ รับค่าจ้างวันละราวๆ 318 บาท โอที ราวๆ 59 บาท ขณะที่แรงงานไทยในระบบส่วนใหญ่อายุเฉลี่ย 40 กว่าปี รับค่าจ้างรายวันเกือบวันละ 400 บาท โอที 60 กว่าบาท ที่ได้รับสูงเพราะบวกประสบการณ์ทำงานเข้าไปด้วย

จึงเป็นเหตุผลที่ทำไมผู้ประกอบการนิยมจ้างแรงงานต่างด้าว เพราะ 2 เหตุผล คือ ค่าจ้างถูกกว่าจ้างคนไทย และแรงงานต่างด้าวเหล่านี้อายุน้อย กล้าทำงานหนัก และทำงานเสี่ยง ขณะที่แรงงานไทยอายุเยอะ สมรรถภาพด้านร่างกายย่อมเสื่อมถอยจึงไม่นิยมทำงานหนักและเสี่ยง

นี่คือปัญหาครอบครัวขั้นพื้นฐานจริงๆ ที่พ่อแม่ผู้ใช้แรงงานต้องทำงานปากกัดตีนถีบหาเช้ากินค่ำจึงไม่มีเวลาดูแลเลี้ยงลูก เมื่อถามว่าเธออยากจะเรียกร้องขอขึ้นค่าแรงขั้นต่ำหรือไม่ แม้ตอนนี้มีข่าวว่าทางรัฐบาลเตรียมจะปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ เป็น 360 บาท/วันทั่วประเทศ

แม้จะปรับขึ้นจริงๆ สำหรับคนงานที่ได้รับค่าจ้างขั้นต่ำคงไม่เป็นประโยชน์แก่เธอหรือเขาที่เป็นแรงงานไทย แต่ไปเป็นประโยชน์ต่อแรงงานต่างด้าวเสียมากกว่า

สำหรับเธอทางรอดทางเศรษฐกิจหนทางเดียว คือ ตั้งหน้าตั้งตาทำอาชีพเสริมจะดีกว่าหากโดนเลย์ออฟจริงๆ ยังมีงานทำ อย่าไปหวังขึ้นค่าแรงขั้นต่ำอันน้อยนิดที่จะออกมาเพื่อหาคะแนนนิยมแก่รัฐบาลเสียมากกว่า