ฝุ่นตลบรอบ 5 ปี

เรื่อง สลาตัน

ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ที่ว่ารุนแรงสร้างมลภาวะให้คนกรุงเทพฯ ยังไม่หนักเท่าฝุ่นการเมืองที่กำลังคุกรุ่นทั่วประเทศ ทุกพรรคการเมืองต่างโหมโรงงัดกลยุทธ์หาเสียงหวังประชาชนเทใจเทคะแนนให้

กว่า 5 ปีบทบาทการเมืองไทยค่อนข้างเงียบเหงา โดยเฉพาะหลังปฏิวัติรัฐประหาร ปี 2557 การเมืองไทยถูกจำกัดให้อยู่ในกรอบเรื่อยมา โดยเฉพาะนักการเมืองถูกเก็บไว้ในกรุ หากจะเคลื่อนไหวแต่ละครั้งช่างเป็นไปด้วยความยากลำบาก

จนวันนี้เส้นทางการเมืองถูกตัดริบบิ้น เชิญพรรคการเมือง นักการเมืองในประเทศทั้งหลายเข้าสู่ถนนประชาธิปไตย รอวันกาบัตรเลือกตั้งวันที่ 24 มี.ค.นี้ ที่จะบันทึกหน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทยอีกครั้ง

จึงไม่แปลกใจทุกพรรคตอนนี้ต่างคึกคักกันแบบสุดขั้ว เราเห็นรอยยิ้ม เห็นสีสันการเมืองในทุกรูปแบบ เริ่มตั้งแต่การยื่นใบสมัคร สส.แบบบัญชีและแบบแบ่งเขต แต่ละพรรคการเมืองโชว์ลีลาการเดินทางมากันอย่างสนุกสนาน

ภาพการเมืองไทยตอนนี้จึงเห็นแต่ความตั้งใจ ความทุ่มเท สีสัน ความสนุกสนาน ปรากฏอยู่บนสื่อเป็นระยะ ยิ่งเฉพาะห้วงเวลาการหาเสียงที่เหลืออีกเพียง 1 เดือนเศษ คงสนุกกว่าในอดีตแน่นอน

การเลือกตั้งครั้งนี้จึงเป็นเส้นทางความหวังของนักการเมืองไทยที่จะไต่เต้าตัวขึ้นเป็น สส. เป็นพรรครัฐบาลเข้ามาบริหารประเทศ ตามแต่นโยบายของพรรคว่าจะถูกใจประชาชนแค่ไหนเท่านั้น

ถนนประชาธิปไตยกำลังมีผู้คน (นักการเมือง) จำนวนมากอยู่ถนนแห่งนี้ ระหว่างทุกคนต้องแวะหาเสียงพูดคุยกับประชาชน อธิบายแนวคิด อธิบายว่าถ้าคุณเลือกเรา แล้วจะได้ประโยชน์ใดกลับคืนมาสู่ประเทศ

นั่นก็แล้วแต่รูปแบบวิธี ลีลาการพูด ลีลาหาเสียงตามแต่ประสบการณ์ของนักการเมือง บางจุดบนถนนประชาธิปไตยอาจแออัดเพราะมีเพื่อนนักการเมืองอื่น ร่วมใช้จนอาจมีการเบียดเสียดกระทบกระทั่งกันบ้าง แต่ทุกคนต่างเคารพในมารยาทซึ่งกันและกัน การเมืองเช่นนี้ถือว่าสวยงาม

ความท้าทายในสนามเลือกตั้งถือว่าวัดกึ๋นแผนการหาเสียงที่ต้องเจาะลงไปในพื้นที่ ให้ถูกตา โดนใจประชาชน ไม่ใช่แค่เพียงความชื่นชอบตัวผู้สมัครในพรรคเท่านั้น

นโยบายถือเป็นตัวแปรในการเทคะแนนเสียงให้เช่นกัน แน่นอนว่าตัวผู้บริหารพรรคต้องวางหมากการเมืองอย่างรัดกุม

นโยบายหาเสียงคือไม้เด็ดของทุกพรรคการเมือง หากได้รับความไว้วางใจจากประชาชนแล้ว อย่าได้บิดพลิ้วต่อนโยบายที่ประกาศเจตนารมณ์ของพรรคไว้ หากผิดเพี้ยนไม่ปฏิบัติจริงทำจริงถือว่าไม่ให้เกียรติประชาชน ทุกอย่างบนสนามการเมืองจึงเป็นเรื่องละเอียดอ่อน

ทุกนาทีจากสนามการเมืองจะเผ็ดร้อนกว่าพริกยกสวน ใครมีนโยบายดีนโยบายเด็ดงัดออกมาให้เต็มที่ ถ้ามัวช้าคู่แข่งฟาดไปกินเรียบ ยิ่งการหาเสียงในยุค 4.0 นี้ด้วยแล้วทางโซเชียลมีเดียวถือว่ามีอิทธิพลอย่างมาก หากรีรอคงพลาดท่าน่าเสียดาย

แต่อย่าลืมว่าสิ่งที่ประชาชนต้องการมากที่สุดคือคุณภาพชีวิตดี เศรษฐกิจเติบโต การงานมั่นคง ค่าครองชีพสมเหตุสมผล ฯลฯ ล้วนเป็นสิ่งที่คนไทยอยากได้ หากพรรคใดตอบโจทย์เหล่านี้ได้ดี คะแนนเสียงคงหลั่งไหลไปสู่พรรคนั้นๆ แต่ต้องเป็นนโยบายทำได้จริง ไม่ใช่เพียงแค่ขายฝัน ขายอนาคต เพื่อชัยชนะ