ช้าไว้ก็ดี

เรื่อง ทองพระราม

แม้การเมืองขณะนี้เริ่มจะเห็นทิศทางชัดเจนแล้วว่า การเลือกตั้งในวันที่ 24 ก.พ. 2562 ตามโรดแมปรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี อาจจะต้องขยับออกไปอีก 1 เดือน เนื่องจากจะมีพระราชพิธีอันสำคัญมหามงคลยิ่งที่ปวงชนชาวไทยทั้งประเทศต่างเฝ้ารอคอยนั้นใกล้เข้ามาถึง

ถือเป็นเรื่องดีให้กับพรรคการเมืองต่างๆ ได้มีเวลามากขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการเตรียมตัว และคิดนโยบายดีๆ ออกมา เพื่อให้ประชาชนได้ตัดสินใจว่าจะเลือกพรรคหรือผู้แทนราษฎรแบบไหน เข้าไปเป็นปากเสียงแทนประชาชนทั้งชาติ

ทั้งหมดให้บ้านเมืองเดินหน้าหลุดออกจากกับดักแบบเดิมๆ ที่เคยพันธนาการประเทศไม่ให้เดินไปไหนมานานนับ 10 ปี จะได้เริ่มออกก้าวอย่างเต็มฝีเท้าเสียที

เพราะที่ผ่านมาเห็นได้เพียงประเทศเพื่อนบ้าน ค่อยๆ เดินห่าง หรือเดินใกล้เราเข้ามาทุกขณะ แต่เรายังย่ำอยู่กับที่โดยไม่ไปไหน จากปัญหาความขัดแย้งภายในชาติตัวเอง จนเกิดการแบ่งฝักแบ่งฝ่าย

หรือเทียบให้เข้าใจง่ายๆ คือ “สุดโต่ง” เมื่อวาระอันดีมาถึง จึงถือเป็นเรื่องสำคัญยิ่งให้ทุกฝ่ายหันหน้ามาสมัครสมานสามัคคี พร้อมใจกันทำให้ประเทศไทยฟื้นคืนกลับมาให้มีเรี่ยวแรงเดินหน้าต่อไป เพราะการเลือกตั้งภาคหนึ่งก็เป็นเพียงตัวชี้วัดว่า ประเทศกำลังกลับคืนสู่ระบอบประชาธิปไตย

เนื่องจากทุกคนในประเทศจะได้ใช้สิทธิและเสียงเลือกตัวแทนของตัวเองซึ่งรอคอยมาหลายปี เลือกคนเข้ามาทำหน้าที่เพื่อประชาชน ไม่ใช่แค่กระบอกเสียงเท่านั้น แต่ต้องมาทำงานพัฒนาอย่างจริงจัง ใช่เพียงหาช่องสบจังหวะกอบโกยเอาผลประโยชน์ใส่ตัว จนลืมและไม่สนว่าประเทศจะเป็นอย่างไร

ขณะเดียวกัน ยังเป็นโอกาสดีๆ ให้กับประชาชนได้มีเวลาทบทวน ไตร่ตรอง คัดสรร จะเลือกพรรคและนโยบายแบบไหน ที่คิดว่าตอบโจทย์กับประเทศมากที่สุด ไม่ใช่เป็นการขายฝันและเมื่อถึงเวลารับเลือกจริงๆ ให้เข้ามาทำงานแล้ว กลับทำไม่ได้ตามโฆษณาชวนเชื่อในช่วงหาเสียงเอาไว้ อย่างนั้นก็ไร้ความหมาย

เมื่อมาทบทวนทั้งหมดแล้วจึงนับว่าเป็นโอกาสดีให้ทุกฝ่ายทั้งพรรคการเมือง ประชาชน ได้ใช้เวลาอันมีค่าขบคิด เพราะการเมืองไม่ใช่แค่เพียงการตัดสินใจแค่ 4 วินาที คือ เข้าคูหากาเบอร์ แต่อย่าลืมว่าหากเลือกผิดไปครั้ง แน่นอนว่าย่อมส่งผลต่อชีวิตอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เนื่องด้วยอายุรัฐบาลมีถึง 4 ปี

จึงอย่าให้บริบทเหล่านั้นกลับมา ท่ามกลางประเทศกำลังเดินไปสู่จุดเรียกว่าปฏิรูป

ดังนั้น เมื่อมีเวลาจงไตร่ตรองและทบทวนทุกอย่าง เพราะยังมีหนทางในการช่วยกันพาประเทศฝ่าฟันคลื่นลมเลวร้าย ไปสู่ท้องนาวาอันคลื่นลมสงบ อย่าให้เพียงความอยากให้มีการเลือกตั้งเข้ามาครอบงำใจจนขาดสติ

หากใช้คำว่าอยากเพราะคิดว่าจะทำให้หลุดพ้น มันอาจมีผลตามมาจนยากเกินคณานับ และอาจกลายเป็นฝันร้าย แทนที่จะเป็นความหวัง ให้ลองคิดดูจากสุภาษิตไทย 2 คำ “ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม” หรือ “ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน” ซึ่งยกมาเปรียบเทียบพอให้เห็นภาพ เพราะด่วนมากไปใช่ว่าดี

การเลื่อนครั้งนี้หากนับดูเวลาก็ช้าไปจากเดิมไม่มาก ดังนั้น จึงควรมองอีกมุมเพื่อเปลี่ยนให้เป็นโอกาสที่ดีกว่า อย่าให้ลงเอยแบบสุภาษิตไทยที่ว่า “ชิงสุกก่อนห่าม” แล้วจะเจ็บในภายหลัง บางครั้งช้าไว้บ้างก็ดี