posttoday

สร้างตัวเลขผีโกงเงินเด็ก

28 พฤศจิกายน 2561

กลายเป็นเรื่องที่เห็นแล้วปวดตับ

เรื่อง...ณ กาฬ เลาหะวิไลย

กลายเป็นเรื่องที่เห็นแล้วปวดตับ

เมื่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ตรวจสอบโรงเรียนในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กระทรวงศึกษาธิการ พบนักเรียนมีแต่ชื่อในโรงเรียน ทว่าไม่มีตัวตนอยู่จริง

คำที่แพร่หลายคือนักเรียนผี

เรื่องนี้มีการร้องเรียนไปในวงกว้าง รวมไปถึง ป.ป.ท. เขต 3 ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง โรงเรียนขามสะแกแสง อ.ขามสะแกแสง จ.นครราชสีมา พบว่ามีนักเรียนเกินเข้ามาในบัญชี 196 คน จากยอดที่ระบุอยู่ในฐานข้อมูลออนไลน์ของ สพฐ. 1,510 คน แต่เมื่อตรวจสอบในชั้นเรียนจริงพบมีนักเรียนเพียง 1,319 คน

จากนั้นได้มีการสุ่มตรวจโรงเรียนในพื้นที่ 3 จังหวัด คือ จ.ศรีสะเกษ ยโสธร และนครราชสีมา ช่วงกลางเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา พบว่ามี 3 โรงเรียนที่มีจำนวนนักเรียนเกินกว่ายอดที่มีอยู่จริง

ป.ป.ท.เขต 3 จึงขยายผลไปใน 8 จังหวัด คือ จ.สุรินทร์ บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ ยโสธร อำนาจเจริญ อุบลราชธานี ชัยภูมิ และนครราชสีมา

รายงานที่พบ คือโรงเรียนอีกประมาณ 10 แห่ง มีรายชื่อนักเรียนที่ไม่มีตัวตนเข้าไปในบัญชีรายชื่อ เพื่อยกระดับจากโรงเรียนขนาดเล็กที่มีนักเรียนไม่เกิน 500 คนให้เป็นโรงเรียนขนาดกลางที่มีนักเรียนอยู่ระหว่าง 500-1,499 คน

สิ่งที่ได้จากพฤติกรรมสร้างตัวเลขปลอม เป็นเงินอุดหนุนรายหัวนักเรียน เป็นงบประมาณที่กระทรวงศึกษาธิการอนุมัติให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา นำไปแจกจ่ายให้โรงเรียนในสังกัด สพฐ.ทั่วประเทศ

ชั้นอนุบาลนักเรียนได้คนละ 1,700 บาท ประถมศึกษา 1,900 บาท มัธยมศึกษาตอนต้นคนละ 3,500 บาท และมัธยมศึกษาตอนปลายคนละ 3,800 บาท

ขณะเดียวกันยังเป็นการขยายฐานะผู้บริหารการศึกษา จากโรงเรียนขนาดเล็ก เป็นโรงเรียนขนาดกลาง ถึงขนาดมีการระบุว่ามีคลิปเสียงหลักฐานการจ่ายเงิน เพื่อแลกกับเกณฑ์ประเมินโรงเรียนประกอบการขอโยกย้ายจากโรงเรียนเล็กไปโรงเรียนที่ใหญ่ขึ้น

ทั้งหมดกลายเป็นประเด็นต้องตรวจสอบ แสดงข้อเท็จจริง

ถ้าไม่ใช่การทุจริต ต้องมีคำตอบว่าทำไมถึงมีรายชื่อเด็กเหล่านี้

จะเกิดจากการมีชื่อแต่ไม่มาเรียน ขาดเรียนอย่างต่อเนื่องหรือมาเรียนแล้วหายไป เจ็บป่วยเรื้อรังต้องรักษาเป็นเวลานาน เรียนที่อื่นแต่ไม่แจ้งย้าย ก็ต้องเอาให้ชัด

อย่างไรก็ตามแม้ไม่มีการทุจริต ทว่ามันก็ส่งผลถึงงบประมาณที่ได้รับไปเรียบร้อยแล้ว โดยเป็นการจ่ายงบประมาณเกินจริง

ใครจะรับผิดชอบ ต้องส่งเงินคืน ต้องทำอย่างไร ก็ต้องชัดเจน อย่าลืมว่าเงินอุดหนุนทั้งหมดเป็นเงินแผ่นดิน เป็นภาษีที่ชาวบ้านต้องจ่าย

ในทางตรงกันข้ามหากเป็นการทุจริต รับย้ายจากโรงเรียนอื่นเข้ามา โดยไม่มีตัวตน ก็ต้องว่ากันออกมาให้ชัด

เพราะหากเกิดการทุจริต ก็หมายถึงการโกง หากินกับเด็กที่ไม่มีตัวตน

เงินคนจนก็โกง เงินช่วยคนพิการก็โกง เงินเด็กก็โกง

เป็นเปรตกลับชาติมาเกิดกันหรืออย่างไร