posttoday

อย่าเกียร์ถอย

16 พฤศจิกายน 2561

รัฐบาลกางปฏิทินนับถอยหลังให้สัญญาการเลือกตั้งทั่วไปต้องเกิดขึ้นในวันที่ 24 ก.พ. 2562 ส่งผลให้บรรดานักลงทุนทั้งในไทยและต่างประเทศต่างขานรับข่าวดี

เรื่อง...กัปตัน ป. 

รัฐบาลกางปฏิทินนับถอยหลังให้สัญญาการเลือกตั้งทั่วไปต้องเกิดขึ้นในวันที่ 24 ก.พ. 2562 ส่งผลให้บรรดานักลงทุนทั้งในไทยและต่างประเทศต่างขานรับข่าวดี แต่ท่ามกลางความชัดเจนของการเดินหน้าสู่การเลือกตั้ง แม้จะสร้างความมั่นใจแก่นักลงทุนต่างประเทศได้อย่างมาก ในการเลือกตั้งครั้งนี้ คาดการณ์กันว่าจะมีเม็ดเงินจำนวนมหาศาลเข้ามาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้เกิดการขยายตัวในช่วงไตรมาสแรกของปี 4,000 ล้านบาท จึงถือเป็นข่าวดีสำหรับนักลงทุน

แต่ยังมีข้อกังวล คือ บรรยากาศการทำงานของภาคราชการกับรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) โดยเฉพาะบรรดาข้าราชการระดับในกระทรวงต่างๆ ออกอาการเกียร์ว่าง เพราะไม่มั่นใจว่ารัฐบาลปัจจุบันจะกลับมาเป็นรัฐบาลอีกสมัยหรือไม่ หรือรัฐมนตรีคนปัจจุบันที่ดำรงตำแหน่งอยู่ในตอนนี้ประกาศไม่กลับมาถนนการเมือง จึงทำให้บรรดาข้าราชการระดับสูงต่างออกอาการแทงกั๊ก

ยิ่งผู้นำรัฐบาลไม่ออกนโยบายใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนหรือการกระตุ้นเศรษฐกิจระลอกใหม่ ผิดกับตอนที่รัฐบาล คสช.เข้ามาใหม่ผุดนโยบายเพียบ อาทิ จัดระเบียบสังคม ทวงคืนผืนป่าเพื่อนำมาให้เกษตรกรได้ทำกิน โครงการสร้างบ้านให้ผู้มีรายได้น้อย โดยเฉพาะนโยบายที่เคยประกาศว่าจะนำมาแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงสิทธิต่างๆ หรือนโยบายปราบปรามการทุจริตที่รัฐบาลเคยชูว่าเป็นผลงานชิ้นโบแดง ดูเหมือนรัฐมนตรี หรือกระทรวงที่เกี่ยวข้องต่างนิ่งเงียบ

แม้จะยอมรับว่าปรากฏการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นทุกยุคทุกสมัยในช่วงเปลี่ยนผ่านทางการเมืองจากรัฐบาลเก่าไปสู่รัฐบาลใหม่ เพราะข้าราชการต้องรอดูทิศทางลมให้ชัดเจนก่อนว่า พรรคการเมืองใด หรือนักการเมืองคนใดจะกลับมาเป็นรัฐบาล หากสถานการณ์เป็นเช่นนี้ไปจนถึงปีหน้า เพราะถ้าดูตามปฏิทินการเลือกตั้งและมีรัฐบาลใหม่ หลังวันที่ 24 ก.พ. 2562 เมื่อเลือกตั้งเสร็จกว่าจะฟอร์มรัฐบาลใหม่แล้วเสร็จเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ และมีการจัดตั้งคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่เข้ามาบริหารประเทศ อาจจะลากยาวไปถึงเดือน เม.ย. หรืออาจจะยืดเยื้อออกไปอีกถึงเดือน มิ.ย. 2562 ก็เป็นได้

แล้วถ้าเป็นแบบนี้ย่อมส่งผลกระทบต่อการบริหารราชการแผ่นดินโดยหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ การเบิกจ่ายงบประมาณ หรือการช่วยเหลือเร่งด่วนของพี่น้องประชาชน เช่น อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ เป็นต้น

แม้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ มีอำนาจเต็มในการบริหารประเทศไม่ใช่รัฐบาลรักษาการ มีอำนาจเต็มล้นมือ สามารถใช้มาตรา 44 เมื่อไรก็ได้ แต่รัฐมนตรี ข้าราชการระดับสูง หรือตัวนายกรัฐมนตรีเองดูเหมือนจะเกียร์ว่างเสียเอง ดังนั้นหากไม่อยากให้ช่วงรอยต่อหรือช่วงเปลี่ยนผ่านประเทศไทยไปได้อย่างไม่สะดุด

รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ต้องออกมาขันนอตการทำงานรัฐมนตรีที่อยู่รอบข้าง ทั้งบุคคลที่ไม่คิดจะกลับมาเล่นการเมือง หรือบุคคลที่ประกาศเล่นการเมืองแน่นอน ต้องทำงานให้เต็มที่ รวมถึงข้าราชการระดับสูงในกระทรวงสำคัญๆ ที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจ อาทิ กระทรวงการคลัง กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ล้วนเป็นหัวจักรสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เดินไปได้โดยไม่สะดุดล้มกลางคัน

ดังนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ควรใช้อำนาจที่มีอยู่ให้เต็มที่ในการแก้ไขปัญหาประเทศจนวินาทีสุดท้ายก่อนจะมีรัฐบาลใหม่เข้ามารับไม้ต่อ พล.อ.ประยุทธ์