อังกอร์มะลิ
โดย...รศ.ดร.อัทธ์ พิศาลวานิช ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษา การค้าระหว่างประเทศมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย
โดย...รศ.ดร.อัทธ์ พิศาลวานิช ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษา การค้าระหว่างประเทศมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย
ตอนนี้ประเด็นข้าวที่น่าสนใจก็คือผู้บริโภคต่างประเทศกำลังนิยมบริโภค "ข้าวนิ่ม" โดยเฉพาะในตลาดจีนและประเทศฟิลิปปินส์ที่มีความต้องการมาก กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ กำลังเกาะติดเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดครับ ผมเลยแบ่งบทความของผมเรื่องข้าวออกเป็น 2 ตอน คือข้าว "อังกอร์มะลิ" กับเรื่องข้าวนิ่มในบทความฉบับหน้า
ก่อนอื่นผมขออัพเดทข้าวใน CLMV ก่อนครับ ในช่วงระหว่างปี 2556 ถึง 2560 ผลผลิตข้าวทั่วโลกเพิ่มขึ้นจาก 478 ล้านตัน เป็น 484 ล้านตัน หากพิจารณาประเทศในกลุ่ม CLMV มีผลผลิตข้าวสารเพิ่มขึ้นทุก ประเทศ เมียนมา เพิ่มขึ้น 1 แสนตัน กัมพูชา เพิ่มขึ้น 2.75 แสนตัน และเวียดนาม เพิ่มขึ้น 3 หมื่นตัน นั้นหมายความว่าผลผลิตข้าวเปลือกก็ต้องเพิ่มขึ้นเช่นกัน
ผมขอเริ่มจากข้าวของกัมพูชาก่อนนะครับ คงจำกันได้ว่าเมื่อวันที่ 10-12 ต.ค. 2561 "The Rice Trader (TRT World Rice)" จัดประกวดข้าวโลกที่กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม ปรากฏว่าข้าว "ข้าวหอมอังกอร์มะลิ" มีชื่อเป็นภาษาอังกฤษว่า "Malys Angkor" หรือบางทีเขียนว่า "Angkor Malis" ได้ครองแชมป์ข้าวที่ดีสุดในโลก ซึ่งเป็นครั้งที่ 4 ที่แล้วที่ข้าวกัมพูชาได้แชมป์ ในขณะที่ประเทศไทยได้แชมป์มาแล้ว 5 ครั้ง ซึ่งเป็นข้าวหอมมะลิทั้งหมดเช่นกัน (มีการประกวด TRT World Rice ตั้งแต่ปี 2009 ติดต่อจนถึงปัจจุบัน)
เหตุผลหลักที่ข้าวกัมพูชาได้แชมป์มาอย่างต่อเนื่อง ผมสามารถสรุปได้ว่ามี 4 ปัจจัยคือความร่วมมือกับต่างประเทศในการพัฒนาข้าว ได้แก่ 1.ร่วมมือในระดับประเทศกับ IRRI นับเป็นเวลา 30 ปี แล้วที่กระทรวงเกษตร ป่าไม้และประมง (Ministry of Agriculture, Forestry and Fisheries (MAFF) กัมพูชาทำ MOU กับสถาบันวิจัยข้าวระหว่างประเทศ (International Rice Research Institute : IRRI) สำนักงานใหญ่ตั้งที่ประเทศฟิลิปปินส์ ในการพัฒนาข้าวร่วมกันตั้งแต่ปี 2529 โดยได้รับการสนับสนุนเงินทุนจาก "Australian Agency for International Development : AusAID" เพื่อทำการพัฒนาสายพันธุ์ข้าวให้มีความหลากหลาย เช่น พันธุ์ IR66 ของ IRRI หรือสายพันธุ์ CAR เป็นของกัมพูชา จนปัจจุบันกัมพูชามีสายพันธุ์ข้าว จำนวนมากกว่า 30 สายพันธุ์ อาทิ "ข้าวหอมมะลิตระกูลผกา" และในปี 2561 เพื่อเป็นการสร้างแบรนด์ข้าวหอมมะลิและเครื่องหมายการค้าใหม่ในตลาดโลก จึงเรียกว่า "ข้าวหอมอังกอร์มะลิ" ก่อนหน้านี้กัมพูชาเรียกข้าวหอมตัวเองว่า "Jasmine Rice" ในขณะที่ไทยเรียกว่า "Thai Hom Mali Rice" นี้คืออีกก้าวหนึ่งที่สำคัญของการพัฒนาตราสินค้าข้าวใน ตลาดโลกของกัมพูชา
2.ร่วมมือในระดับจังหวัดกับ JICA ของญี่ปุ่น เพื่อพัฒนาผลผลิต ต่อไร่ พัฒนาเพาะพันธุ์และอบรมในการปลูกข้าวที่ให้ผลผลิตสูงขึ้น ใน จังหวัดพระตะบอง (Batambang) โพธิสัต (Pursat) และกำปงชนัง (Kampong Chhnang) ซึ่งอยู่รอบๆ โตนเลสาบ 3.ทำ MOU กับรัฐวิสาหกิจของจีน คือ EXIM Bank ของจีน และ CITIC Group Corporation รวมถึงข้อตกลงระหว่าง CRF กับ COFCO ของจีน เพื่อส่งออกข้าวไปใน ประเทศจีน ทำให้คาดว่าปีนี้กัมพูชาส่งออกข้าวไปจีนแล้ว 2 แสนตัน และ 4.นโยบายรัฐบาลที่ต้องการผลักดันให้กัมพูชาเป็นตะกร้าข้าวโลก "World Rice Basket"
กัมพูชาปลูกข้าวได้ทุกจังหวัด แต่จังหวัดที่ปลูกหลักๆ อยู่ระหว่างประเทศไทยกับเวียดนามจากซ้ายไปขวาผ่านบริเวณโตนเลสาบ ลงไปจนถึงจังหวัดที่แม่น้ำโขงไหลผ่าน ได้แก่ จังหวัดบันเตียเมียนเจย พระตะบอง โพธิสัต กำปงชนัง กันดาร์ กำปงธม กำปงจาม ไปจนถึงสวายเรียง (ติดเวียดนาม) ระหว่างปี 2504 ถึงปี 2558 พื้นที่ปลูก กัมพูชาเพิ่มจาก 2 ล้านเป็น 3.1 ล้านเฮกตาร์ ผลผลิตเพิ่มจาก 2.3 ล้านตันข้าวเปลือกเป็น 10 ล้านตันข้าวเปลือก การส่งออกเพิ่มจาก 2 แสนตัน มีตั้งเป้าส่งออก 1 ล้านตันในปี 2558 แต่ตัวเลขจริงๆ ปี 2558 ยังส่งออกได้เพียง 5 แสนตันเท่านั้น ต้องติดตามกันต่อไปว่ากัมพูชาจะทำได้ดีแค่ไหน


