posttoday

เปิดระเบียบกกต. เดินหน้าเลือกสว. เฉพาะกาล

22 กันยายน 2561

กระบวนการสรรหาชุดเฉพาะกาล สว. 250 เสียง เริ่มต้นอย่างเป็นทางการ เมื่อระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)

โดย ทีมข่าวการเมืองโพสต์ทูเดย์ 
 
กระบวนการสรรหาชุดเฉพาะกาล สว. 250 เสียง เริ่มต้นอย่างเป็นทางการ เมื่อระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่าด้วยการเลือกสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 21 ก.ย.ที่ผ่านมา
 
ถือเป็นการออกระเบียบตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว. 2561 มาตรา 90 โดยกำหนดให้ดำเนินการจัดให้มีการเลือก สว. 200 คน เพื่อให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เลือกเหลือ 50 คนต่อไป
 
ขณะที่ สว.อีก 200 คนนั้น คสช.​จะแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสรรหา 194 คน รวมกับบุคลากรในตำแหน่ง ผบ.เหล่าทัพ 6 ตำแหน่ง
 
สำหรับในส่วนของ ​200 คน ที่ คสช.จะเลือกให้เหลือ สว. 50 คน ​จะนับเป็นการเลือก สว.ครั้งแรกภายหลังรัฐธรรมนูญ 2560 โดยแบ่งการเลือก สว.​ออกเป็นระดับอำเภอ จังหวัด ประเทศ ทั้งนี้ภายใน 20 วัน นับแต่ระเบียบมีผลบังคับใช้ กกต.ประกาศเกี่ยวกับการลงทะเบียนขององค์กรที่มีสิทธิแนะนำชื่อบุคคลเพื่อรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาภายใน 10 กลุ่ม ได้แก่ 
 
1.กลุ่มการบริหารราชการแผ่นดินและความมั่นคง อันได้แก่ ผู้เคยเป็นข้าราชการ เจ้าหน้าที่ของรัฐ หรืออื่นๆ
 
2.กลุ่มกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม อันได้แก่ ผู้เป็นหรือเคยเป็นผู้พิพากษา ตุลาการ อัยการ ตำรวจ ผู้ประกอบวิชาชีพด้านกฎหมาย หรืออื่นๆ
 
3.กลุ่มการศึกษาและการสาธารณสุข อันได้แก่ ผู้เป็นหรือเคยเป็นครู อาจารย์ นักวิจัย ผู้บริหารสถานศึกษา บุคลากรทางการศึกษา แพทย์ทุกประเภท เทคนิคการแพทย์ สาธารณสุข พยาบาล เภสัชกร หรืออื่นๆ
 
4.กลุ่มอาชีพกสิกรรม ปลูกพืชล้มลุก ทำ​นา ทำสวน ​ทำไร่ ป่าไม้ ปศุสัตว์ ประมง
 
5.กลุ่มพนักงานหรือลูกจ้างของบุคคลซึ่งมิใช่ส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐ ผู้ใช้แรงงาน ผู้ประกอบวิชาชีพ ผู้ประกอบอาชีพอิสระ
 
6.กลุ่มผู้ประกอบอาชีพด้านสิ่งแวดล้อม ผังเมือง อสังหาริมทรัพย์และสาธารณูปโภค ทรัพยากรธรรมชาติ พลังงาน วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การสื่อสาร การพัฒนานวัตกรรม
 
7.กลุ่มผู้ประกอบกิจการขนาดกลางและขนาดย่อมตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น และผู้ประกอบกิจการอื่นๆ ผู้ประกอบธุรกิจหรืออาชีพด้านการท่องเที่ยว อันได้แก่ ผู้ประกอบธุรกิจท่องเที่ยว มัคคุเทศก์ ผู้ประกอบกิจการหรือพนักงานโรงแรม ผู้ประกอบอุตสาหกรรม
 
8.กลุ่มสตรี ผู้สูงอายุ คนพิการหรือทุพพลภาพ กลุ่มชาติพันธุ์ กลุ่มอัตลักษณ์อื่น ประชาสังคม องค์กรสาธารณประโยชน์
 
9.กลุ่มศิลปะ วัฒนธรรม ดนตรี การแสดงและบันเทิง นักกีฬา สื่อสารมวลชน ผู้สร้างสรรค์ วรรณกรรม
 
10.กลุ่มอื่นๆ
 
สำหรับการเลือก สว.ให้ดำเนินการตั้งแต่ระดับอำเภอ จังหวัด และประเทศ ตามลำดับ โดยระดับอำเภอ มีนายอำเภอ หรือผู้อำนวยการเขต เป็นประธานกรรมการ การเลือกระดับจังหวัด มีผู้ว่าราชการจังหวัด หรือปลัดกรุงเทพมหานคร เป็นประธานกรรมการ และระดับประเทศ มีประธาน กกต. เป็นประธานกรรมการ
 
​ทั้งนี้ ผู้สมัครสามารถสมัครด้วยการยื่นใบสมัครด้วยตนเอง หรือสมัครโดยยื่นใบสมัครด้วยตนเอง พร้อมแสดงหนังสือแนะนำชื่อผู้สมัครจากองค์กร โดยจะต้องมีคุณสมบัติ คือ 1.มีสัญชาติไทยโดยการเกิด 2.มีอายุไม่ต่ำกว่า 40 ปี ในวันสมัครรับเลือก 3.มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ หรือทำงานในด้านที่สมัครไม่น้อยกว่า 10 ปี
 
​4.ผู้สมัครต้องมีลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้ด้วย (ก) เป็นบุคคลซึ่งเกิดในอำเภอที่สมัครรับเลือก (ข) มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในอำเภอที่สมัครรับเลือกมาแล้วเป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่า 2 ปี นับถึงวันสมัครรับเลือก (ค) ทำงานอยู่ในอำเภอที่สมัครรับเลือกมาแล้วเป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่า 2 ปี นับถึงวันสมัครรับเลือก (ง) เคยทำงานหรือเคยมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านอยู่ในอำเภอที่สมัครรับเลือก แล้วแต่กรณี เป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่า2 ปี (จ) เคยศึกษาในสถานศึกษาที่ตั้งอยู่ในอำเภอที่สมัครรับเลือกเป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่าสองปีการศึกษา
 
​การลงคะแนนจะเป็นการเลือกกันเองของผู้สมัครทั้ง 10 กลุ่ม ซึ่งแยกเป็นสมัครด้วยตนเองและรับรองโดยองค์กร
 
โดยการลงคะแนนใช้วิธีการเลือกตรง คือ ให้เขียนหมายเลขผู้สมัครที่ต้องการเลือกในกลุ่มเดียวกันและวิธีการสมัครเดียวกันด้วยตัวเลขอารบิกใน “ช่องเขียนหมายเลขผู้สมัคร” ได้ช่องละหนึ่งหมายเลข และให้ผู้สมัครได้ไม่เกิน 2 คน โดยจะลงคะแนนให้ตนเองก็ได้ แต่จะลงคะแนนให้ผู้สมัครใดเกินหนึ่งคะแนน
ไม่ได้
 
การนับคะแนนของแต่ละกลุ่มและแต่ละวิธีการสมัครให้กระทำ ณ สถานที่เลือก โดยเปิดเผย ผู้ที่ได้รับคะแนนสูงสุด 3 ลำดับแรกในส่วนของการเลือกระดับอำเภอ ทั้งสมัครตรง และรับรองโดยองค์กร รวม 60 คน ถือเป็นผู้ได้รับเลือกในระดับอำเภอ และส่งไปเลือกในระดับจังหวัดต่อไป
 
การเลือกในระดับจังหวัด ผู้มีสิทธิจะเลือกตรงในกลุ่มและวิธีการสมัครเดียวกัน โดยคนที่ได้คะแนนสูงสุด 4 ลำดับแรก จากแต่ละกลุ่มและวิธีการสมัครเดียวกัน รวม 80 คน จะถือเป็นผู้ได้รับเลือกในระดับจังหวัด ส่งไปเลือกในระดับประเทศต่อไป
 
การเลือกในประเทศ ผู้ได้รับคะแนนสูงสุด 10 คน ในแต่ละกลุ่ม และแต่ละวิธีการสมัคร รวม 200 คน จะได้รับการเสนอชื่อให้ คสช.เลือกเหลือ 50 คนต่อไป โดยกำหนดให้ กกต. ซึ่งได้รับรายงานผลการนับคะแนนแล้วต้องรอเวลาไว้ไม่น้อยกว่า​ 5 วันก่อน หากเห็นว่าเป็นการเลือกตั้งโดยสุจริตและเที่ยงธรรมถึงส่งให้ คสช.
 
ทั้งนี้ เพื่อเปิดให้มีการดำเนินการสืบสวนและไต่สวน เรื่องราวร้องเรียนหากพบผู้สมัครกระทำ การใดๆ อันเป็นเหตุให้การเลือกมิได้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม ให้ กกต.สั่งระงับสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้นั้นไว้เป็นการชั่วคราวเป็นเวลาไม่เกิน 1 ปี พร้อมทั้งให้เลื่อนลำดับของผู้ได้รับคะแนนในลำดับถัดไปของกลุ่มและวิธีการสมัครนั้นขึ้นมาแทน
 
อย่างไรก็ตาม หาก กกต.ยังดำเนินการสืบสวนและไต่สวนไม่แล้วเสร็จ ให้ดำเนินการส่งรายชื่อ แล้วรายงานเหตุดังกล่าวให้ คสช. ทราบ แล้วให้ดำเนินการสืบสวนและไต่สวนให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เมื่อ กกต.มีคำสั่งให้ผู้สมัครคนใดไม่ดำเนินการให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยสุจริตเที่ยงธรรม ให้ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกา เพื่อสั่งให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้นั้นต่อไป