บุญคุณทุนสำรองฯ
หลายประเทศกำลังซวนเซอย่างหนักจากปัญหาเงินทุนไหลออก
โดย..ณ กาฬ เลาหะวิไลย
หลายประเทศที่ถูกเรียกว่า ประเทศเกิดใหม่ กำลังซวนเซอย่างหนักจากปัญหาเงินทุนไหลออก
เริ่มจากตุรกี ค่าเงินลีราหัวทิ่ม จากนั้นก็ลามไปถึงอาร์เจนตินา ล่าสุดมาเคาะประตูหน้าบ้านอินโดนีเซีย
ประเทศเหล่านี้ต้องเผชิญสิ่งที่เหมือนๆ กันก็คือ เมื่อค่าเงินอ่อนตัวลงฮวบฮาบ หนี้สินก็เพิ่มพูนขึ้นจากเงินกู้ต่างประเทศที่ต้องจ่ายมากขึ้นตามค่าเงินที่ลดลง
แล้วเงินเฟ้อก็จะมาถามหา จนธนาคารชาติแต่ละแห่งก็ต้องขึ้นดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ รวมถึงชะลอไม่ให้ค่าเงินอ่อนตัวมากกว่าเดิม
ทั้งหมดเป็นบทลงทัณฑ์ทางเศรษฐกิจที่โหดร้าย ประชาชนต้องเดือดร้อนจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย ดอกเบี้ยที่แพง เงินเฟ้อสูง
จุดเริ่มต้นของปัญหาของแต่ละประเทศเหมือนๆ กันที่มาจากการปรับดอกเบี้ยของสหรัฐ ทำให้เงินทุนไหลออก
เมื่อผสมกับปัญหาเชิงโครงสร้างในระบบเศรษฐกิจที่มียอดขาดดุลงบประมาณ ยอดขาดดุลบัญชีเดินสะพัด ก็ยิ่งทำให้ความเชื่อมั่นหดหาย
และสิ่งสำคัญสุด ที่เหมือนเป็นการลั่นไกความโกลาหล คือยอดหนี้ต่างประเทศมีมากกว่าทุนสำรอง
นั่นหมายถึงหากบรรดาเจ้าหนี้ไม่ยอมยืดหนี้ หรือหาเงินกู้ใหม่มาทดแทนไม่ได้ ก็หมดปัญญาใช้หนี้ไม่ไหว ต้องชักดาบ พักชำระหนี้
บรรดาเจ้าหนี้ก็จะเร่งทวงหนี้ จะบากหน้าไปกู้ใครก็ไม่มีใครให้
ตัวอย่างที่เกิดขึ้นก็คือ อาร์เจนตินา ที่ทุนสำรองไม่เพียงพอ ต้องไปขอความช่วยเหลือจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) โดยเศรษฐกิจเหมือนเข้าไปในห้องไอซียูเรียบร้อย
ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นจึงยิ่งทำให้เห็นความสำคัญของทุนสำรองระหว่างประเทศ ยิ่งมีมาก เสถียรภาพก็ยิ่งมั่นคง
ช่วงที่ผ่านมาหลากหลายรัฐบาลพยายามที่จะเอาทุนสำรองไปใช้ ภายใต้เหตุผลว่ามีมากเกิน ควรเอาไปสร้างดอกผลด้วยสารพัดวิธี ทั้งการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานบ้าง ตั้งกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติบ้าง
ถือเป็นโชคที่ความพยายามเหล่านั้นไม่ประสบความสำเร็จ
ขืนเอาออกไปใช้ ป่านนี้บ้านเราต่อคิวเกิดปัญหาค่าเงิน ซ้ำรอยวิกฤตต้มยำกุ้งไปเรียบร้อย
เพราะทุนสำรองที่ดูเหมือนมากๆ เอาเข้าจริงเป็นเงินที่มีภาระ ทั้งต้องใช้หนุนหลังธนบัตรหรือแบงก์ที่พิมพ์หมุนเวียนใช้จ่าย ทั้งเป็นเงินที่เข้ามาแล้วก็พร้อมจะจากไป ไม่มีอะไรแน่นอน
ดังนั้น จึงเลิกคิดกันได้ว่าจะเอาทุนสำรองไปใช้ ไม่ว่าจะเป็นไอเดียจากบรรดากูรูใหญ่ ปรมาจารย์ชั้นนำด้านเศรษฐศาสตร์
เพราะต้นทุนแห่งความผันผวน แสดงให้เห็นชัดแล้วว่า มันแพงกว่าอัตราผลตอบแทนที่จะได้จากการเอาทุนสำรองไปใช้
ซ้ำร้ายถ้าเกิดเอาทุนสำรองไปใช้ได้สำเร็จ ก็รับประกันได้ว่า ทุนสำรองจะโดนเอาไปใช้จนหมดประเทศ จากบรรดานักการเมืองในอนาคตที่จ้องตาเป็นมันกับเงินก้อนนี้
คิดอะไรไม่ออกก็กองไว้เฉยๆ แหละดีแล้ว
ลองมองสิ่งที่เกิดขึ้นกับตุรกี อาร์เจนตินา อินโดนีเซีย เป็นตัวอย่าง
ยังสยดสยองกันไม่พออีกหรือ