กยศ.ยกคุณภาพชีวิต

 

เรียกว่าเรื่องร้อนจวนตัวจนไร้ทางออก สำหรับกรณี วิภา บานเย็น ผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.กำแพงเพชร ถูกยึดบ้านและที่ดินขายทอดตลาด เป็นผลจากการค้ำประกันหนี้กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ให้กับนักเรียน ซึ่งครูวิภาได้เซ็นค้ำประกันหนี้ กยศ.ให้กับนักเรียนมากถึง 60 ราย ปรากฏว่าลูกศิษย์จำนวน 23 ราย ไม่ชำระหนี้เงินกู้ให้กับ กยศ. จนทำให้ศาลฟ้องยึดทรัพย์ครูดังกล่าวนั้น

 

เรื่องนี้มองได้หลากหลายแง่มุมตามความคิดเห็นส่วนตัว ทั้งการวิพากษ์วิจารณ์ที่เห็นด้วย ไม่เห็นด้วย ถึงขั้นหนักข้อถึงกับด่าทอต่อว่าเสียๆ หายๆ กันยกใหญ่ กลับกันหากมองว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ นำมาพลิกปรับมุมสู่โมเดลใหม่ในการแก้ไขปัญหาการกู้ยืมที่ไร้ระเบียบวินัยน่าจะเหมาะสมกว่าการมานั่งพิมพ์ด่า คอมเมนต์ แฉ ระบายอารมณ์กัน ซึ่งคิดว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลักอย่าง กยศ.ต้องทบทวนมาตรการติดตามลูกหนี้

 

ดูสถิติปัจจุบัน กยศ.ปล่อยกู้ให้นักเรียน นิสิต นักศึกษาแล้ว 5.4 ล้านราย คิดเป็นวงเงิน 5.7 แสนล้านบาท ในจำนวนนี้มีการชำระและปิดบัญชีไปแล้ว 8 แสนราย มีสถานะตาย หรือพิการ 5 หมื่นราย ทำให้ยังเหลือผู้กู้ในระบบทั้งสิ้น 4 ล้านคน ในส่วนนี้เป็นลูกหนี้สถานะปกติประมาณ 1 ล้านกว่าราย และมีสถานะผิดนัดชำระ 2 ล้านกว่าราย คิดเป็นมูลหนี้ 6.8 หมื่นล้านบาท

 

ปีนี้มีผู้กู้ยืมที่ครบกำหนดชำระประมาณ 3.5 ล้านราย คิดเป็นมูลหนี้ 4 แสนล้านบาท ในปีนี้ กยศ.เตรียมฟ้องร้องดำเนินคดีลูกหนี้ที่ผิดนัดชำระประมาณ 1.2 แสนราย มูลหนี้ 1.2 หมื่นล้านบาท เฉลี่ยรายละ 1 แสนบาท จากยอดการฟ้องร้องทั้งหมดในรอบ 10 ปี อยู่ที่ประมาณ 1.2 ล้านคดี มูลหนี้ 4.8 หมื่นล้านบาท

 

สภาพตัวเลขในแต่ละส่วนชวนให้หนักใจและอมยิ้มเกี่ยวกับสถานการณ์ของลูกหนี้ ที่เห็นภาพชัดเจนคงหนีไม่พ้นเรื่องระเบียบวินัยของผู้กู้เอง ขาดการรับผิดชอบ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม เงินตรงส่วนนี้ไม่ใช่เงินให้ฟรี ทุกคนรับทราบดีว่ากู้มาเพื่อใช้ในการศึกษาเล่าเรียน เมื่อจบการศึกษามีงานการทำมั่นคงก็ต้องใช้หนี้ตามระเบียบกฎหมาย ก่อนกู้มีการแจกแจงการชำระเงินคืนอย่างชัดเจน การอ้างว่าไม่รู้ คงเป็นข้อปัดความรับผิดชอบง่ายๆ

 

เงินกู้ที่ทุกคนนำไปใช้จ่ายทางการศึกษา ถูกแปรเปลี่ยนเป็นความรู้ ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตให้มีฐานะการเงิน และการใช้ชีวิตที่มั่นคง เนื่องจากเราได้เก็บเกี่ยวความรู้ ทักษะชีวิตในสถานศึกษา จนไปสู่สังคมการทำงาน นั่นถือว่าคุ้มค่ามากกว่าสิ่งอื่นใด ที่สำคัญเงินกู้ส่วนนี้ช่วยสร้างโอกาสให้คนขาดแคลนทุนทรัพย์ได้เรียนต่อตามความต้องการ ถ้าจะเบี้ยวหนี้คงไม่เหมาะสมแน่ อีกทั้งเงินกู้ที่เราส่งคืนยังไปช่วยต่อยอดโอกาสทางการศึกษาให้กับรุ่นน้องต่อๆ ไปได้อีกมากโข

 

หลายคนอาจยกความผิดให้กับกยศ. ในประเด็นเรื่องการชำระคืน หรือการติดต่อทวงหนี้ยังไม่ชัดเจน ไม่ทั่วถึง ส่วนนี้ กยศ.เองคงต้องนำเสียงสะท้อนไปพัฒนาวางแผนกลยุทธ์ในการประชาสัมพันธ์ ทำความเข้าใจกับลูกหนี้ทั้งหมด ข่าวสารความเคลื่อนไหว มาตรการจูงใจลดหนี้ต่างๆ ควรดึงดูดเชิญชวนให้ลูกหนี้ทุกคนมีความต้องการกระตือรือร้นที่จะชำระหนี้ กยศ. ผ่านช่องทางสื่อสารทางออนไลน์ใดก็ตาม คิดว่าน่าจะเกิดการสร้างการรับรู้ที่ทั่วถึงมากกว่าปัจจุบัน

 

วันนี้เชื่อว่ากรณีของครูวิภา น่าจะไปกระตุ้นเตือนลูกหนี้ กยศ.ทุกรายทั่วประเทศ ลุกขึ้นมาชำระหนี้ตามกฎหมาย โดยผู้ค้ำประกันหนี้จะไม่ได้รับความเดือดร้อน เพราะวันที่พวกคุณขอร้องให้ผู้ค้ำประกันช่วยเซ็นในสัญญา กยศ.ต่างพยายามร้องขอและสัญญาจะใช้หนี้ไม่สร้างความเดือดร้อน