posttoday

แตกคอ

15 มิถุนายน 2561

สองสามวันที่ผ่านมา แวดวงข่าวสารพร้อมใจนำเสนอภาพประวัติศาสตร์แสดงถึงสันติภาพโลกอย่างพร้อมเพรียง 

โดย...นาย ป.

สองสามวันที่ผ่านมา แวดวงข่าวสารพร้อมใจนำเสนอภาพประวัติศาสตร์แสดงถึงสันติภาพโลกอย่างพร้อมเพรียง 

เป็นภาพระหว่าง “โดนัลด์ ทรัมป์” ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา กับ “คิมจองอึน” แห่งเกาหลีเหนือ ลงนามร่วมกันในข้อตกลงด้านการเมืองและความมั่นคง

เกาหลีเหนือให้คำมั่นว่าจะเดินหน้ากระบวนการปลดอาวุธนิวเคลียร์อย่างสมบูรณ์บนคาบสมุทร ขณะที่สหรัฐอเมริกาประกาศคำมั่นว่าจะไม่ฝึกซ้อมอาวุธยั่วยุ เพื่อนำไปสู่สันติภาพโลก ย่อมส่งผลดีต่อการเปลี่ยนแปลงการเมืองและความมั่นคงไปทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย

เหตุการณ์นี้จะเป็นแค่เรื่องลวงโลก หรือสร้างสันติภาพโลกให้เกิดขึ้นจริง คงต้องติดตามดูกันต่อไป

แต่สิ่งที่เห็นได้ชัดแน่นอนความขัดแย้งด้านการเมืองและความมั่นคงในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีไทยเป็นศูนย์กลางย่อมผ่อนคลายลงไป

โดยเฉพาะความขัดแย้งระหว่างสหรัฐกับจีน สองมหาอำนาจที่ช่วงชิงความเป็นใหญ่ในภูมิภาคแห่งนี้ ทั้งด้านการทหาร การเมือง และเศรษฐกิจ โดยมีปัญหาเกาหลีเหนือเป็นสงครามจิตวิทยาไว้คอยยั่วยุซึ่งกันและกันมาโดยตลอด 

เมื่อสหรัฐอเมริกายอมยกเลิกซ้อมรบกับเกาหลีใต้ย่อมส่งผลดีต่อไทย เพราะในปี 2562 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานการประชุมสุดยอดอาเซียน

ทำให้ไม่ต้องรับบทหนักและแรงกดดันในการเป็นตัวกลางหย่าศึกช้างชนช้าง แม้ว่าไทยเองไม่ได้มีผลประโยชน์ได้หรือเสียอะไรเลยหากสหรัฐกับเกาหลีเหนือปรองดองกัน หรือเลือกจะสู้รบกัน

แต่สิ่งที่เห็นตรงกันว่าประเทศไทยจะได้ประโยชน์จากเรื่องนี้ชัดเจนคือ การส่งออกสินค้าเกษตรหรืออาหารไปเกาหลีเหนือ

เป็นที่ทราบดีว่าเกาหลีเหนืออยู่ในสภาวะขาดแคลนอาหาร มีความต้องการสินค้าเกษตรจำนวนมากจากไทย โดยเฉพาะการส่งออกข้าว

แต่ที่ผ่านมาไทยไม่อาจส่งออกสินค้าเกษตรไปเกาหลีเหนือได้ เพราะติดมาตรการคว่ำบาตรจากชาติมหาอำนาจอย่างสหรัฐ

แต่สิ่งที่ยังเป็นกังวลอยู่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คือปัญหาความขัดแย้งทะเลจีนใต้ยังคุกรุนอยู่ ยิ่งไทยจะเป็นเจ้าภาพการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนในปีหน้า ย่อมทำให้ประเทศไทยต้องรับบทหนัก

ปัญหาทะเลจีนใต้เกี่ยวข้องกับหลายๆ ประเทศ ไม่ใช่เฉพาะสหรัฐกับเกาหลีเหนือ แต่ยังมีประเทศอื่นๆ เช่น ญี่ปุ่น มาเลเซีย เวียดนาม บรูไน ฟิลิปปินส์ ไต้หวัน หรือฮ่องกง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของจีนต่างอ้างกรรมสิทธิ์เช่นกัน

ปัญหานี้อาจทำให้ชาติอาเซียนแตกคอกันเอง เพราะไม่ใช่เรื่องที่จะเจรจาจบลงได้ง่ายๆ ระหว่างสองชาติ แต่เป็นปัญหาระหว่างชาติมหาอำนาจสองขั้ว โดยเฉพาะจีนท่าทีแข็งกร้าวพร้อมเปิดศึก ขณะที่สหรัฐก็ไม่ยอมอ่อนข้อ

ส่วนไทยเองไม่ได้มีผลประโยชน์ได้เสียใดๆ เลย

ดังนั้น ข้อพิพาททะเลจีนใต้กลายเป็นประเด็นร้อนของสองชาติมหาอำนาจใหญ่ที่หัวร้อนต่างฝ่ายต่างอยากเอาชนะ

แล้วไทยจะรับมือกับปัญหานี้อย่างไร เป็นเรื่องที่น่าจับตามองอย่างยิ่งในสถานการณ์และปัญหาชาติอาเซียนแตกคอกันเองเสียแล้ว