posttoday

หาจุดลงตัว

07 พฤษภาคม 2561

เป็นอีกปัญหาที่ยังถกกันแต่ก็ไร้วี่แววสำหรับคำตอบอย่างลงตัวต่อทุกฝ่าย สำหรับการก่อสร้างบ้านพักตุลาการบนเชิงดอยสุเทพ จ.เชียงใหม่ 

โดย...ทองพระราม

เป็นอีกปัญหาที่ยังถกกันแต่ก็ไร้วี่แววสำหรับคำตอบอย่างลงตัวต่อทุกฝ่าย สำหรับการก่อสร้างบ้านพักตุลาการบนเชิงดอยสุเทพ จ.เชียงใหม่ 

ท่ามกลางกระแสคัดค้านจากประชาชนในพื้นที่ เพราะมองว่าเป็นการบุกรุกพื้นที่ธรรมชาติ รวมถึงเป็นการทำลายทรัพยากรสิ่งแวดล้อมดั่งเดิม

จนหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้มีกลุ่มประชาชนต่างออกมาวิพากษ์วิจารณ์ทั่วโลกโซเชียลมีเดียถึงเรื่องดังกล่าว ว่ารัฐจะยังคงเดินหน้าต่อไปหรือจะยุติโครงการนี้สักพักเพื่อกลับไปทบทวนให้ถี่ถ้วนรอบด้าน ซึ่งเป็นประเด็นที่หลายฝ่ายยังคงให้ความสนใจและจับต้องต่อท่าทีเรื่องนี้

ขณะเดียวกันก็มีหลายฝ่ายเรียกร้องให้ภาครัฐ โดยเฉพาะต้องการให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. และนายกรัฐมนตรี ใช้อำนาจที่มีอยู่ในกำมือ คือ มาตรา 44 อันทรงอานุภาพ เข้าจัดการยุติปัญหาดังกล่าว เพื่อลดกระแสความ
ขัดแย้งจากสังคมให้สิ้นลง

ทว่า ท่านรองนายกฯ ด้านกฎหมายอย่างท่านวิษณุ เครืองาม พูดสรุปในความให้เข้าใจ คือ การทำลายบ้านพักนั้น ถือว่ากระทำผิดกฎหมายเนื่องจากเป็นทรัพย์สินของทางราชการ และพยายามหลีกเลี่ยงการใช้มาตรา 44 เพราะมองถึงอนาคตหากไม่มีกฎหมายตัวนี้แล้ว บ้านเมืองจะเดินอย่างไร

ดังนั้น ต้องทำความเข้าใจว่าในทางกฎหมายโดยภาพรวมแล้วสำหรับเรื่องนี้ อาจไม่ผิด แต่ผิดตรงที่ทางความรู้สึกในความคิดของประชาชน

อย่างไรก็ตาม นั่นเป็นเรื่องดีที่ประชาชนคนไทยได้ตื่นตัว ตื่นรู้ และไม่มองข้าม เหมือนอย่างที่ผ่านๆ มา เฉกเช่นในอดีต ที่ปล่อยให้ผู้มีอำนาจกระทำการตามอำเภอใจ

นับได้ว่าเป็นสิ่งที่เดินมาถูกทางสำหรับประเทศซึ่งเคยติดหล่มกับปัญหาทางการเมืองมายาวนานนับ 10 ปี และตรงกับความต้องการที่รัฐอยากให้ประชาชนได้ปฏิรูปตัวเอง

สิ่งหนึ่งที่สำคัญ คือ บางครั้งเราจำเป็นต้องดำเนินการตามกฎหมายทุกขั้นตอนจริงหรือ ทั้งนี้ไม่ใช่ต้องการบอกให้ปฏิเสธกฎหมาย อันเป็นระเบียบที่สังคมหมู่มากต้องยึดถือ

แต่เนื่องด้วยประเด็นการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมปกปักรักษาธรรมชาตินั้น เป็นสิ่งที่รัฐบาลพยายามผลักดันจัดการ เห็นได้ชัดจากการที่รัฐบาลเดินหน้าทลายกลุ่มนายทุนรุกพื้นที่ป่าเพื่อสร้างรีสอร์ท

ทำให้เรียกเสียงชื่นชมจากประชาชนทั่วทุกสารทิศ ถึงความเอาจริงเอาจังของภาครัฐแม้ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งก็ตามที หากเทียบกับรัฐมาจากเสียงประชาชน

แม้รัฐบาลชุดปัจจุบันจะมีเงื่อนไขที่มาไม่เหมือนเช่นในอดีต แต่ก็อยากให้ทบทวนเสียงของประชาชน แม้จะเป็นพลังที่เบา แต่ถือว่ามีความสำคัญอย่างมากต่อภาครัฐ

อย่าลืมว่าหากไร้เสียงประชาชนสนับสนุนแล้ว การอันใดที่วาดหวังไว้ย่อมไม่สัมฤทธิผล

อย่างน้อยทางออกที่เกิดขึ้นควรจะเป็นที่พอใจของทุกฝ่าย และไม่บานปลายกลายเป็นแรงกดดันต่อไป แม้จะต้องวางเรื่องกฎหมายไว้ก่อน เพื่อคำนึงถึงเสียงสำคัญอันมาจากประชาชน

ที่สำคัญต้องทำให้ประชาชนได้ตระหนักและเข้าใจว่ารัฐได้ทำเพื่อพวกเขาอย่างเต็มที่และสุดความสามารถ ไม่เช่นนั้นอาจกลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวที่บานปลายไปสู่ความรุนแรง

สุดท้ายจึงขึ้นอยู่กับว่าภาครัฐจะมีวิธีการดำเนินในเรื่องนี้อย่างไร ได้แต่ภาวนาขอให้หาจุดลงตัวโดยเร็วพลันเพื่อสิ่งอันดีงาม